ศึกเทคโอเวอร์ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ดิสคัฟเวอรี (WBD) ทวีความเข้มข้นคึกคัก ในวันจันทร์ (8 ธ.ค.) พาราเมาต์เสนอซื้อด้วยเงินสดมูลค่า 108,400 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าดีลที่ เน็ตฟลิกซ์ ยื่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้วถึงกว่า 25,000 ล้านดอลลาร์ แถมวิพากษ์วิจารณ์ว่า ข้อเสนอของบริษัทสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่นอกจากจะด้อยกว่าของตนแล้ว ยังไร้ความแน่นอน
ทั้งนี้ ปลายสัปดาห์ที่แล้ว เน็ตฟลิกซ์ ยักษ์ใหญ่ในวงการสตรีมมิ่ง เขย่าอุตสาหกรรมบันเทิงของอเมริกาด้วยการประกาศว่า สามารถบรรลุข้อตกลงเข้าซื้อสตูดิโอวอร์เนอร์ บราเธอร์ส อย่างฉันมิตร ด้วยวงเงินเกือบ 83,000 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี ในวันจันทร์ (8 ) พาราเมาต์ ซึ่งปัจจุบันมีซีอีโอ เดวิด เอลลิสัน เป็นผู้นำ ได้ยื่นข้อเสนอแบบเป็นปรปักษ์ ขอซื้อวอร์เนอร์ บราเธอร์ส ดิสคัฟเวอรี แข่งกับเน็ตฟลิกซ์
เอลลิสันประกาศว่า ต้องการจบสิ่งที่ได้เริ่มต้นไว้ ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวล่าสุดเป็นการยื่นข้อเสนอครั้งที่ 6 ของพาราเมาต์ นับจากสงครามชิงวอร์เนอร์ บราเธอร์ส ระเบิดขึ้นในเดือนกันยายน
ข้อเสนอล่าสุดของพาราเมาต์ครอบคลุมการซื้อสถานีโทรทัศน์ช่องซีเอ็นเอ็น, ทีเอ็นที, ทีบีเอส และ ดิสคัฟเวอรี ซึ่งจะถูกนำมารวมอยู่ในธุรกิจทีวีของพาราเมาต์เช่นเดียวกับซีบีเอส, เอ็มทีวี และคอมเมดี้ เซ็นทรัล ขณะที่ดีลของเน็ตฟลิกซ์จำกัดเพียงแค่สตูดิโอภาพยนตร์และทีวีของวอเนอร์ บราเธอร์ส, เอชบีโอ และบริการสตรีมมิ่ง เอชบีโอ แม็กซ์
พาราเมาต์เสนอซื้อ WBD ด้วยเงินสด โดยให้ราคาหุ้นละ 30 ดอลลาร์ รวมเป็น 108,400 ล้านดอลลาร์ เทียบกับตอนที่ศึกชิงกิจการเริ่มต้น ซึ่งหุ้นของ WBD อยู่ที่ 12.54 ดอลลาร์ เท่ากับเพิ่มขึ้นมา 139% และเทียบกับข้อเสนอของเน็ตฟลิกซ์ที่เสนอให้หุ้นละ 27.75 ดอลลาร์ รวมเป็นมูลค่าเกือบ 83,000 ล้านดอลลาร์ โดยที่การชำระจะมีทั้งเงินสดและหุ้นประกอบกัน
คำแถลงของพาราเมาต์วิจารณ์ว่า ข้อเสนอของเน็ตฟลิกซ์ “ด้อยกว่าและไม่แน่นอน” ขณะที่ข้อเสนอของตนเป็นหนึ่งในดีลที่มีมูลค่าสูงที่สุดในธุรกิจสื่อของอเมริกา รวมทั้งเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับอุตสาหกรรม โรงภาพยนตร์ และผู้บริโภค
พวกผู้สนับสนุนด้านเงินทุนของพาราเมาต์ ประกอบด้วย แลร์รี เอลลิสัน พ่อของเดวิด ซึ่งมีฐานะเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก อีกทั้งยังเป็นพันธมิตรสนิทของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นอกจากนั้นยังมีพวกกองทุนความมั่งคั่งแห่งรัฐในตะวันออกลาง อย่างเช่นของซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ และอาบูดาบี ตลอดจน แอฟฟินิตี้ พาร์ตเนอร์ส บริษัทการลงทุนที่ก่อตั้งโดยจาเรด คุชเนอร์ บุตรเขยของทรัมป์
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันอาทิตย์ (7) ทรัมป์ ได้ออกมาแถลงเชิงทักท้วงว่า ข้อตกลงของเน็ตฟลิกซ์ที่เสนอซื้อ WBD “อาจเป็นปัญหา” เนื่องจากเข้าข่ายการครอบครองส่วนแบ่งตลาดจำนวนมากในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และทีวี
ไม่เพียงเท่านั้น ทรัมป์ยังละเมิดธรรมเนียมปฏิบัติด้วยการประกาศว่า จะร่วมพิจารณาอนุมัติดีลนี้เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม แทนที่จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมหรือคณะกรรมการการค้าของสหรัฐฯ เป็นผู้พิจารณาตามปกติ
ทางด้านเท็ด ซาแรนดอส ซีอีโอเน็ตฟลิกซ์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของพาราเมาต์ว่า เป็นสิ่งที่คาดไว้อยู่แล้ว แต่เขายังมั่นใจว่า จะปิดดีลนี้ได้
ในส่วนคณะกรรมการบริหาร WBD แถลงเมื่อบ่ายวันจันทร์ว่า จะพิจารณาข้อเสนอของพาราเมาต์ แต่ยังคงคำแนะนำเดิมเกี่ยวกับเน็ตฟลิกซ์เอาไว้ รวมทั้งแนะนำให้ WBD งดการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับข้อเสนอของพาราเมาต์ในขณะนี้
รอสส์ เบเนส นักวิเคราะห์ของอีมาร์เก็ตเตอร์ ชี้ว่า สถานการณ์การเทคโอเวอร์ WBD ถือว่ายังไม่จบ แม้เน็ตฟลิกซ์มีฐานะดีกว่าเปรียบเหมือนนั่งกุมพวงมาลัยในฐานะคนขับ แต่ยังสามารถเกิดจุดหักมุมอีกมากมายก่อนเข้าเส้นชัย และศึกนี้น่าจะยาวนาน
ช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา วอเนอร์ บราเธอร์ส เป็นสตูดิโอซึ่งผลิตภาพยนตร์คลาสสิกหลายเรื่อง เช่น คาซาบลังก้า และซิตี้เซ่น เคน ตลอดจนถึงซีรีส์และหนังทำเงินอีกมากมายที่รวมถึงเฟรนด์ส, เกม ออฟ โธรนส์ และ แฮร์รี่ พอตเตอร์
พาราเมาต์อ้างว่า ข้อเสนอของตนมีความแน่นอนด้านกฎระเบียบมากกว่าดีลของเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งจะทำให้ยักษ์ใหญ่สตรีมมิ่งแห่งนี้ครองส่วนแบ่งตลาดสตรีมมิ่งทั่วโลกถึง 43% และเผชิญความท้าทายด้านระเบียบข้อบังคับทั่วโลกยืดเยื้อไปอีกนาน
ทั้งนี้ พาราเมต์แจกแจงว่า บริษัทภายหลังการควบรวมจะผนึกธุรกิจของพาราเมาต์ เช่น พาราเมาต์ พิกเจอร์ส, ซีบีเอส, นิกเคโลเดียน และพาราเมาต์+ ซึ่งเป็นบริการสตรีมมิ่ง เข้ากับธุรกิจของ WBD ที่รวมถึงเอชบีโอ แม็กซ์ และลิขสิทธิ์ถ่ายทอดการแข่งขันกีฬารายการใหญ่
พาราเมาต์ระบุว่า การผนวกกิจการจะช่วยลดต้นทุนกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์ และเพิ่มการใช้จ่ายด้านคอนเทนต์ โดยที่ยังคงการฉายภาพยนตร์ในโรงซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวอย่างมากสำหรับฮอลลีวูด
เน็ตฟลิกซ์นั้นถูกมองแง่ลบจากผู้เล่นบางส่วนในฮอลลีวูด เนื่องจากลังเลที่จะนำคอนเทนต์ที่สร้างไปฉายในโรงภาพยนตร์ซึ่งผู้คร่ำหวอดในฮอลลีวูดหลายคนมองว่า มีความสำคัญต่อเสน่ห์และศักดิ์ศรีของภาพยนต์ อีกทั้งยังช่วยรักษาตำแหน่งงานในฮอลลีวูด รวมทั้งยังไม่พอใจที่เน็ตฟลิกซ์ กระทำการที่เป็นการดิสรัปต์อุตสาหกรรมบันเทิง
(ที่มา: เอเอฟพี/รอยเตอร์)


