xs
xsm
sm
md
lg

ทางการจีนประกาศชัดเจน‘ไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาด’ แม้นายกฯญี่ปุ่นดูเหมือนใช้ท่าทีอ่อนลงเรื่องไต้หวัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซานาเอะ ทาคาอิจิ
ทางการจีนระบุในวันพฤหัสบดี (4 ธ.ค.) ไม่ยอมรับคำแถลงล่าสุดเกี่ยวกับไต้หวันของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซานาเอะ ทาคาอิจิ ซึ่งถูกหลายฝ่ายตีความว่าเป็นท่าทีที่อ่อนลงแล้วจากเดิมของเธอ โดยปักกิ่งเตือนว่า “ไม่มีวันยอมรับอย่างเด็ดขาด” กับการที่เธอยังคงปฏิเสธไม่ถอนคำพูดที่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับไต้หวันเอาไว้เมื่อตอนต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

เมื่อวันพุธ (3) ทาคาอิจิ ดูเหมือนพยายามที่จะหาทางลดความตึงเครียดซึ่งดำเนินมาได้หลายสัปดาห์แล้ว เมื่อเธอกล่าวในวาระตอบกระทู้ที่สภาล่างญี่ปุ่นว่า “จุดยืนพื้นฐานในเรื่องไต้หวัน (ของญี่ปุ่น) ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้ระบุเอาไว้ในแถลงการณ์ร่วมญี่ปุ่น-จีน ปี 1972” และจุดยืนนี้ก็ไม่ได้เคยมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น”

อย่างไรก็ดี เธอไม่ได้กล่าวอ้างอิงถึงเนื้อหาของเอกสารฉบับดังกล่าวนี้ นอกจากนั้นถึงแม้ปักกิ่งเรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำอีก เธอก็ยังคงไม่ถอนคำพูดแสดงความเห็นของเธอที่กล่าวต่อสภาล่างญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ว่า หากกองทัพปลดแอกประชาชนจีนโจมตีไต้หวัน ก็อาจถือได้ว่าเป็น “สถานการณ์ที่คุกคามความอยู่รอด” ของญี่ปุ่น –และดังนั้น จึงเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่จะเปิดทางให้โตเกียวสามารถระดมทหารของตนมาทำการสู้รบได้

การแสดงความคิดเห็นเช่นที่กล่าวมา ได้ทำให้ ทาคาอิจิ กลายเป็นผู้นำญี่ปุ่นคนแรกภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ที่กล่าวในที่สาธารณะเชื่อมโยงภาวะฉุกเฉินของไต้หวันเข้ากับความเป็นไปได้ที่จะมีการเคลื่อนกำลังของกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นออกมาเพื่อสู้รบ แล้วต่อจากนั้นมา คำพูดนี้ของเธอก็ส่งให้ความสัมพันธ์ที่โตเกียวมีอยู่กับปักกิ่งควงสว่านไหลลงต่ำไม่หยุดยั้ง

หนึ่งวันหลังจากที่เธอดูเหมือนออกมาเพื่อพยายามพูดจาขยายความ ปักกิ่งกลับยังคงยืนกรานเรียกร้องให้ ญี่ปุ่น “แก้ไขความผิดพลาดของตนเอง” เป็นการเสนอแนะว่าหากญี่ปุ่นยังไม่มีการถอนคำพูดแสดงความเห็นคราวก่อนของเธอ ก็น่าจะยังไม่สามารถทำให้สถานการณ์กระเตื้องดีขึ้นมาได้

“นายกรัฐมนตรีทาคาอิจิ ยังคงกำลังพูดจากลับกลอก ด้วยการกล่าวอ้างว่าจุดยืนของฝ่ายญี่ปุ่นยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง จีนไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างเด็ดขาด” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแดนมังกร หลิน เจียน กล่าวเช่นนี้ในการแถลงข่าวตามปกติวันพฤหัสบดี (4) เมื่อเขาถูกผู้สื่อข่าวถามถึงคำพูดล่าสุดในวันพุธของเธอ

“ท่าทีของจีนนั้นชัดเจน เราเร่งเร้าฝ่ายญี่ปุ่นให้ขบคิดพิจารณาอย่างจริงจัง และแก้ไขความผิดพลาดของตน และถอนคำกล่าวอันผิดพลาดของนายกรัฐมนตรีทาคาอิจิ”

หลิน ยังรบเร้า ทาคาอิจิ ให้กล่าวออกมา “อย่างถูกต้องและอย่างเต็มที่” ในการพูดต่อสาธารณชนของเธอ ถึงสิ่งซึ่งมีการเน้นย้ำเอาไว้ในแถลงการณ์ร่วมปี 1972 ที่นำไปสู่การสถาปนาความสัมพันธ์อย่างเป็นปกติระหว่างจีนกับญี่ปุ่น

“ทำไมฝ่ายญี่ปุ่นจึงจะมาปฏิเสธไม่ยอมแสดงคำมั่นผูกพันอย่างถี่ถ้วนชัดเจน กับสิ่งที่ตนเองก็ได้ระบุเอาไว้เรื่อยมาและมีผลบังคับผูกพันตนเองตามกฎหมายอยู่แล้ว” หลิน กล่าวต่อ “ตรรกะของเรื่องนี้อยู่ตรงไหน และมีวาระอะไรซ่อนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้?”

ทั้งนี้แถลงการณ์ร่วมญี่ปุ่น-จีนฉบับดังกล่าว ระบุว่า “รัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีนเน้นย้ำว่า ไต้หวัน คือส่วนหนึ่งของดินแดนที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน” และรัฐบาลญี่ปุ่น “มีความเข้าใจอย่างเต็มที่และเคารพจุดยืนนี้ ... รวมทั้งญี่ปุ่นยังคงธำรงรักษาจุดยืนของตนเอาไว้อย่างมั่นคงภายใต้มาตรา 8 ของ คำประกาศพอตสดัม (Potsdam Proclamation)”

ทั้งนี้ มาตราดังกล่าวนี้ เป็นส่วนหนึ่งของบรรดาเงื่อนไขต่างๆ ที่กำหนดเอาไว้สำหรับการยอมแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ของญี่ปุ่น โดยเอกสารนี้ยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า “ปฏิญญาพอตสดัม” (Potsdam Declaration) ด้วย มาตราดังกล่าวมีข้อความสำคัญดังนี้ “จักต้องมีการดำเนินการตามเงื่อนไขต่างๆ ของปฏิญญาไคโร (Cairo Declaration) และอธิปไตยของญี่ปุ่นจะต้องจำกัดอยู่แต่เฉพาะหมู่เกาะ ฮอนชู, ฮอกไกโด, คิวชู, และชิโกกุ ตลอดจนพวกหมู่เกาะเล็กๆ ตามที่เราวินิจฉัยตัดสิน”

สำหรับปฏิญญาไคโร –ซึ่งลงนามกันในปี 1943 โดยจีน, สหรัฐฯ, และสหราชอาณาจักร— ระบุเอาไว้ว่า “ดินแดนทั้งหมดที่ญี่ปุ่นได้โจรกรรมเอามาจากฝ่ายจีน เป็นต้นว่า แมนจูเรีย, ฟอร์โมซา, และ เพสคาโดเรส จะต้องได้รับการคืนสู่” จีน และ “ญี่ปุ่นยังจะถูกขับไล่ออกจากดินแดนอื่นๆ ทั้งหมดที่ญี่ปุ่นได้เข้าครอบครองโดยใช้กำลังรุนแรงและความละโมบ”

ฟอร์โมซา คือชื่อในภาษาโปรตุเกสของเกาะไต้หวัน โดยที่ชื่อนี้ถูกใช้กันอย่างกว้างขวางในโลกตะวันตกจวบจนถึงประมาณกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20
กำลังโหลดความคิดเห็น