เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตและเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิต ขณะที่ยอดสิ้นชีพของภัยพิบัติครั้งใหญ่สืบเนื่องจากอุทกภัยและดินถล่มใน อินโดนีเซีย ศรีลังกา ไทย และมาเลเซีย 4 ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถูกปรับสูงขึ้นอีกเป็นกว่า 1,200 คน รวมทั้งยังคงมีผู้สูญหายอีกกว่า 800 คน
ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักต่อเนื่องยาวนานหลายวันในสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้น้ำท่วมสูงเป็นวงกว้าง ประชาชนนับหมื่นอพยพไม่ทัน หลายคนต้องหนีขึ้นไปอยู่บนหลังคาและดาดฟ้าอาคารระหว่างรอการช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่เผยว่า มีผู้เสียชีวิตจากอุทกภัยและดินถล่มจนถึงวันอังคาร (2 ธ.ค.) อย่างน้อย 1,230 คน โดยมีผู้ได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิต 659 คนในอินโดนีเซีย 390 คนในศรีลังกา และ 181 คนในไทย
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศก็เป็นสาเหตุทำให้ฝนตกหนักขึ้น เนื่องจากชั้นบรรยากาศที่ร้อนขึ้นอุ้มความชื้นเพิ่มขึ้น ขณะที่มหาสมุทรที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นอาจทำให้เกิดพายุที่ทรงพลังขึ้น
แม้น้ำที่ท่วมขังลดลงเป็นส่วนใหญ่แล้ว แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนนับแสนยังต้องอยู่ในที่หลบภัยและสถานที่พักพิงชั่วคราว โดยขาดแคลนน้ำสะอาด อาหาร และยา
ที่อินโดนีเซีย ซึ่งได้รับผลกระทบหนักที่สุด เจ้าหน้าที่กู้ภัยประสบปัญหาในการเข้าถึงหมู่บ้านต่างๆ บนเกาะสุมาตรา เนื่องจากถนนเสียหายและสะพานถล่ม สำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติเผยว่า ยังมีผู้สูญหายอย่างน้อย 475 คน แม้ทางการส่งเฮลิคอปเตอร์และเรือเข้าไปช่วย แต่สภาพอากาศที่เลวร้ายและโครงสร้างพื้นฐานที่เสียหายทำให้การปฏิบัติการดำเนินไปอย่างล่าช้า
ชาวบ้านในจังหวัดอาเจะห์เผยว่า ผู้รอดชีวิตที่ยังมีเงินทองจับจ่ายต่างพากันซื้อเสบียงตุนไว้ รวมถึงต่อคิวยาวเหยียดเติมน้ำมันรถ ส่งผลให้ราคาสินค้าส่วนใหญ่พุ่งติดจรวด
รัฐบาลอินโดนีเซียแถลงเมื่อวันจันทร์ (1) ว่า ได้จัดส่งข้าว 34,000 ตัน และน้ำมันปรุงอาหาร 6.8 ล้านตันไปยัง 3 จังหวัดที่ประสบภัยพิบัติรุนแรงที่สุด อันได้แก่ อาเจะห์ สุมาตราเหนือ และสุมาตราตะวันตก
กระนั้น กลุ่มบรรเทาทุกข์ที่ช่วยจัดส่งเสบียงไปยังพื้นที่ประสบภัยเตือนว่า ตลาดท้องถิ่นเริ่มขาดแคลนข้าวของเครื่องใช้จำเป็น ส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้นถึง 3 เท่า และเตือนว่า ชุมชนต่างๆ ทั่วอาเจะห์มีความเสี่ยงสูงที่จะขาดแคลนอาหาร หากยังไม่สามารถฟื้นห่วงโซ่อุปทานได้ภายใน 7 วัน
ที่ศรีลังกา ทีมกู้ภัยที่นำโดยกองทัพยังคงค้นหาผู้สูญหาย 352 คน ท่ามกลางความท้าทายในการเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยเนื่องจากฝนที่ตกหนักทั่วประเทศที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มตามมานั้นส่งผลให้ถนนหลายสายใช้การไม่ได้ สะพานถล่มในหลายจุด พื้นที่ที่ประสบภัยรุนแรงที่สุดบางแห่งยังเข้าถึงได้อย่างยากลำบาก นอกจากนั้นยังมีคำเตือนว่า จะมีฝนตกลงมาอีกในช่วงไม่กี่วันนี้ รวมทั้งมีความเสี่ยงดินถล่มในบริเวณภาคกลางที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด
ประธานาธิบดีอนุระ กุมาระ ทิสานายเก ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อจัดการกับ “ภัยพิบัติธรรมชาติที่ท้าทายที่สุดในประวัติศาสตร์ศรีลังกา” และขอความช่วยเหลือจากนานาชาติ
กองทัพอากาศศรีลังกาที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอากาศของชาติเพื่อนบ้านในเอเชียใต้ด้วยกันอย่างอินเดียและปากีสถาน เข้าช่วยอพยพประชาชนที่ติดค้างอยู่ในพื้นที่ประสบภัย รวมทั้งนำอาหารและสิ่งบรรเทาทุกข์อื่นๆ ไปมอบให้
ประชาชนในกรุงโคลอมโบที่น้ำเริ่มลดลงอย่างช้าๆ เล่าว่า ในสัปดาห์ที่แล้ว น้ำขึ้นเร็วมากทั่วเมืองและท่วมสูง
กว่าที่เคยเจอมาทุกปี
ที่ภาคใต้ของไทย เริ่มมีการเก็บกวาดทำความสะอาดอาคารบ้านเรือนและถนน รวมทั้งฟื้นฟูบูรณะโครงสร้างพื้นฐานที่รวมถึงน้ำประปาและระบบไฟฟ้า หลังจากน้ำท่วมใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 1.5 ล้านครัวเรือน คิดเป็นจำนวนประชากรได้ราว 3.9 ล้านคน
สำหรับมาเลเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่ประสบความเสียหายน้อยที่สุดใน 4 ชาติ เอเอฟพีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 2 คนจากภัยพิบัติธรรมชาติครั้งนี้
(ที่มา: เอเอฟพี/เอพี)


