ทรัมป์เซ็นรับรองร่างกฎหมายงบประมาณฉบับฉุกเฉินชั่วคราวเมื่อคืนวันพุธ (12 พ.ย.) เป็นการยุติการชัตดาวน์ หรือการปิดหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯสืบเนื่องจากไม่มีงบประมาณใช้จ่าย ที่ยืดเยื้อมายาวนานถึง 43 วัน กลายเป็นการสร้างสถิติใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์อเมริกัน โดยระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว พวกพนักงานลูกจ้างรัฐบาลกลางนับแสนไม่ได้รับเงินเดือน นักเดินทางมากมายตกค้างอยู่ตามสนามบิน และประชาชนคนยากจนต่อคิวยาวเหยียดตามสถานที่แจกอาหารหลายแห่ง
การชัตดาวน์คราวนี้ทำให้รีพับลิกันและเดโมแครต สองพรรคการเมืองใหญ่ของอเมริกาแตกแยกกันหนักขึ้นอีก ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถือโอกาสเดินหน้ากระทำสิ่งต่างๆ ตามใจตนเองฝ่ายเดียวชนิดที่ไม่เคยมีแบบอย่างมาก่อน โดยรวมถึงการยกเลิกโครงการต่างๆ และการพยายามปลดพนักงานลูกจ้างรัฐบาลกลางบางส่วน เพื่อกดดันให้เดโมแครตยอมประนีประนอมผ่อนปรนข้อเรียกร้องของฝ่ายตน
ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้ ได้ใช้โอกาสในการลงนามบังคับใช้ร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวครั้งนี้ มาประณามพรรคเดโมแครตว่าเป็นตัวกลางทำให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นมา และเสนอแนะบรรดาผู้ออกเสียงว่าอย่าได้ให้รางวัลแก่พรรคนี้ระหว่างการเลือกตั้งกลางเทอมซึ่งกำหนดจัดขึ้นในปลายปีหน้า
พิธีลงนามใช้กฎหมายฉบับนี้ซึ่งจัดขึ้นที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากสภาผู้แทนราษฎรลงมติผ่านร่างกฎหมายนี้ด้วยคะแนน 222 ต่อ 209 โดยที่ ส.ส.รีพับลิกันแทบทั้งหมดโหวตสนับสนุน ขณะที่ ส.ส.เดโมแครตเกือบทั้งหมดโหวตคัดค้าน ก่อนหน้านี้ วุฒิสภาได้ผ่านร่างกฎหมายเดียวกันนี้ไปแล้วเมื่อวันจันทร์ (10)
ผ่าทางตันโอบามาแคร์
การที่ทั้งสองพรรคใหญ่ตกลงกันไม่ได้จนกระทั่งทำให้การชัตดาวน์ยืดเยื้อคราวนี้ เนื่องจากเดโมแครตต้องการให้รัฐสภาต่ออายุมาตรการคืนภาษีตามรัฐบัญญัติประกันสุขภาพ หรือที่เรียกกันว่า “โอบามาแคร์” ที่จะเป็นผลประโยชน์ของชาวอเมริกัน 24 ล้านคน โดยที่มาตรการนี้กำลังจะหมดอายุลงตอนสิ้นปีนี้ เดโมแครตยืนกรานว่า ต้องบรรจุประเด็นนี้ในร่างกฎหมายงบประมาณฉุกเฉินชั่วคราวด้วย จึงจะยอมยกมือสนับสนุน ทว่า รีพับลิกันปฏิเสธหัวชนฝาเช่นเดียวกัน โดยบอกว่า เป็นคนละนโยบายกันจึงควรแยกอภิปรายในภายหลัง
ระหว่างการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันพุธ ประธานสภา ไมค์ จอห์นสัน ซึ่งสังกัดพรรครีพับลิกัน ได้กล่าวโจมตีเดโมแครตว่า รู้อยู่แล้วว่า การชัตดาวน์จะส่งผลกระทบอย่างไร แต่ยังดึงดันขัดขวางการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว
ทว่า จิม แม็กกัฟเวิร์น ส.ส.เดโมแครต โต้ว่า เมื่อต้นปีรีพับลิกันเร่งรีบผ่านกฎหมายยกเว้นภาษีที่เอื้อประโยชน์ต่อคนรวยเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ร่างกฎหมายงบประมาณฉุกเฉินล่าสุดไม่มีการรับประกันว่า จะมีการโหวตเพื่อต่ออายุการคืนภาษีเพื่อช่วยให้ประชาชนมีเงินจ่ายค่าประกันสุขภาพ
ส.ส.ฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำเดโมแครตในสภาล่าง สำทับว่า การต่อสู้เพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น และเดโมแครตจะไม่ยอมแพ้ แม้ผลโหวตจะไม่เป็นไปตามที่พรรคต้องการก็ตาม
ผ่าทางตันยุติการชัตดาวน์
การเผชิญหน้ากันอย่างยืดเยื้อระหว่างรีพับลิกันกับเดโมแครต เกิดการทะลุทะลวงผ่าทางตันได้สำเร็จ สืบเนื่องจาก ส.ว.เดโมแครต 8 คนซึ่งเชื่อว่าถึงอย่างไรรีพับลิกกันก็ไม่ยอมโยงมาตรการคืนภาษีตามกฎหมายประกันสุขภาพ กับร่างงบประมาณฉุกเฉิน ได้แตกแถวไปเจรจากับฝ่ายรีพับลิกัน และตกลงประนีประนอมยกมือหนุนให้สภาสูงสามารถผ่านร่างงบประมาณฉุกเฉินเมื่อวันจันทร์ (10)
กฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่ตกลงกันได้จนกระทั่งทรัมป์เซ็นประกาศใช้แล้วนี้ เป็นการอนุมัติงบประมาณรายจ่ายให้แก่รัฐบาลสหรัฐฯไปจนถึงวันที่ 30 มกราคมปีหน้า บวกกับร่างกฎหมายงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2026 สำหรับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งทั้ง 2 พรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งกันอีก 3 ฉบับ ขณะที่รีพับลิกันในสภาสูงให้สัญญาว่า จะจัดให้มีการลงมติเรื่องขยายมาตรการคืนภาษีเพื่ออุดหนุนการประกันสุขภาพภายในกลางเดือนหน้า แต่ไม่รับรองว่า จะโหวตให้
ทั้งนี้หากไม่มีการต่ออายุมาตรการนี้ ชาวอเมริกันหลายสิบล้านคนก็จะต้องจ่ายค่าประกันสุขภาพแพงขึ้นเกินสองเท่าตัว โดยที่สำนักงานงบประมาณแห่งชาติของรัฐสภาคาดว่า ประชาชนกว่า 2 ล้านคนจะถึงขั้นสูญเสียความคุ้มครองเรื่องการประกันสุขภาพในปีหน้า
กฎหมายงบประมาณชั่วคราวนี้ ยังครอบคลุมการยกเลิกคำสั่งปลดพนักงานลูกจ้างรัฐบาลที่คณะบริหารทรัมป์ประกาศตั้งแต่เริ่มชัตดาวน์ รวมทั้งปกป้องพนักงานลูกจ้างรัฐจากการถูกปลดจนถึงสิ้นเดือนม.ค. และรับรองว่า คนเหล่านั้นจะได้รับค่าตอบแทนที่ค้างอยู่ทันทีที่การชัตดาวน์สิ้นสุดลง
ขณะเดียวกัน ประชาชนคนยากจนที่พึ่งพิงโครงการช่วยเหลือด้านอาหารจากรัฐบาลภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงเกษตรนั้น จะได้รับเงินช่วยเหลือตามปกติจนกระทั่งสิ้นสุดปีงบประมาณปัจจุบันในเดือนกันยายนปีหน้า
(ที่มา: เอพี)


