xs
xsm
sm
md
lg

ทรัมป์ยัวะรีพับลิกันแพ้เลือกตั้ง ‘ยื้อ’ชัตดาวน์ต่อ ขณะFAAประกาศแผนลดเที่ยวบิน10%ใน40เมือง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้คนจำนวนหลายร้อยเข้าแถวรอรับแจกอาหารฟรีจากองค์การ “เวิลด์ เซนทรัล คิตเชน” ซึ่งคอยจัดหาอาหารให้แก่พวกพนักงานลูกจ้างรัฐบาลกลางและครอบครัว ในช่วงที่หน่วยงานรัฐบาลต้อง “ชัตดาวน์”  ณ บริเวณใกล้ๆ ยูเอส เนวี เมโมเรียล พลาซา ในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันพุธ (5 พ.ย.)
ผลการเลือกตั้งในสหรัฐฯสัปดาห์นี้ ซึ่งเติมพลังให้แก่พรรคเดโมแครต แต่ทำให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โกรธกริ้ว กำลังเพิ่มความยากลำบากให้แก่การยุติการ “ชัตดาวน์” ซึ่งเมื่อถึงวันพุธ (5 พ.ย.) ได้สร้างสถิติใหม่กลายเป็นการปิดทำการหน่วยงานรัฐบาลกลางเพราะหมดงบประมาณ ครั้งยืดเยื้อที่สุดเป็นประวัติการณ์แล้ว ขณะที่ผลกระทบยังคงกำลังทวีความชัดเจนและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด “เอฟเอเอ”ประกาศลดเที่ยวบิน 10% ใน 40 เมืองสำคัญ มีผลตั้งแต่เช้าวันศุกร์ (7) เพื่อรักษาความปลอดภัยในสถานการณ์ที่ขาดแคลนเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ

หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯหยุดปฏิบัติหน้าที่นับตั้งแต่รัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณใหม่แม้กระทั่งฉบับฉุกเฉินชั่วคราว เมื่องบประมาณฉบับเดิมหมดอายุลงในวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา ภาวะเช่นนี้กำลังสร้างความลำบากเดือดร้อนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกโครงการด้านสวัสดิการต่างๆ รวมทั้งความช่วยเหลือในรูปแสตมป์อาหารที่จ่ายให้คนยากจนชาวอเมริกันจำนวนหลายสิบล้านคนไปซื้อข้าวของจำเป็นในแต่ละเรือน กำลังมาถึงจุดไม่มีเงินใช้จ่าย

ขณะเดียวกัน พวกพนักงานลูกจ้างรัฐบาลจำนวนราว 1.4 ล้านคน ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศ จนถึงเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ ก็ถูกบังคับให้หยุดงานหรือยังต้องทำงานต่อไปโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนในกรณีที่เป็นหน่วยงานสำคัญจำเป็น นอกจากนั้น ศาลบางแห่งได้คำพิพากษาตัดสินให้รัฐบาลนำเงินจากพวกกองทุนฉุกเฉินมาใช้เพื่อให้หน่วยงานหรือโครงการสำคัญบางอย่างสามารถดำเนินการได้ต่อไป

วันพุธ (5) ที่ผ่านมาเป็นวันที่ 36 ของการชัตดาวน์รอบนี้ ซึ่งทำลายสถิติการปิดงานหน่วยงานรัฐบาลกลางครั้งที่ยาวนานที่สุดคราวก่อนเมื่อปี 2018-19 ในยุคทรัมป์ 1.0 ซึ่งทำเอาไว้ที่ 35 วัน

ในวันพุธ (5) ยังเป็นวันซึ่งสหรัฐฯทราบผลการเลือกตั้งที่จัดขึ้นเมื่อวันอังคาร (4) โดยแม้ไม่ใช่การเลือกตั้งครั้งใหญ่แบบปีเลือกตั้งประธานาธิบดีหรือปีเลือกตั้งกลางเทอม แต่ก็ถือเป็นการเลือกตั้งระดับชาติครั้งแรกตั้งแต่ที่ทรัมป์ขึ้นครองอำนาจสมัยที่ 2 ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยที่ปรากฏว่า สมรภูมิใหญ่กว่าเพื่อนในการเลือกตั้งคราวนี้ ซึ่งได้แก่ การเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนียและรัฐนิวเจอร์ซีย์ ตลอดจนการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ผู้สมัครของพรรครีพับลิกันรวมทั้งผู้สมัครที่ทรัมป์ส่งเสียงเชียร์ ต่างประสบความพ่ายแพ้

ทรัมป์ซึ่งพูดถึงผลการเลือกตั้งที่รีพับลิกันทำได้ย่ำแย่คราวนี้ว่า “ปัจจัยใหญ่และเป็นปัจจัยทางลบ” ก็คือการไม่สามารถยุติการชัตดาวน์ได้ และจึงกำลังเพิ่มแรงกดดันให้พวก ส.ว.รีพับลิกันในวุฒิสภาเร่งปิดเกม ด้วยการลงมติให้แก้ไขข้อบังคับการประชุมสภาสูง ที่กำหนดให้วาระสำคัญๆ ต้องได้เสียง 60 เสียงจากทั้งวุฒิสภาซึ่งมีอยู่ 100 เสียง จึงจะถือว่าผ่าน มาเป็นแค่ได้เสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งก็พอ ทั้งนี้ในสภาสูงสมัยปัจจุบัน รีพับลิกันมีเสียง 53 ส่วนเดโมแครตมี 47 เสียง อย่างไรก็ตาม ทางผู้นำรีพับลิกันในวุฒิสภายังไม่เห็นด้วย เนื่องจากจะเป็นการทำลายประเพณีที่ยึดถือกันมานาน ซึ่งเกื้อหนุนให้เกิดการประนีประนอมกัน และต่อไปในอนาคตถ้ารีพับลิกันกลายเป็นฝ่ายเสียงข้างน้อยบ้าง ก็จะประสบความลำบากในการทำงาน

ขณะที่ทางฝ่ายเดโมแครตมองการแสดงความเห็นเช่นนี้ของทรัมป์ เป็นเหตุผลอีกอย่างหนึ่งสำหรับการยืดหยัดเอาไว้ โดยเชื่อว่าการที่ทรัมป์ซึ่งที่ผ่านมาใช้ท่าทีลอยตัวไม่ยุ่งเกี่ยว กำลังเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเดิมเกมในสภามากขึ้นเช่นนี้ อาจจะนำไปสู่การทำข้อตกลงระหว่างสองพรรค ซึ่งมีการขยายระยะเวลามาตรการอุดหนุนการประกันสุขภาพของชาวอเมริกัน อันเป็นประเด็นสำคัญที่สุดที่พวกเขาต่อรองว่ารีพับลิกันต้องยินยอม จึงจะยกมือหนุนให้ผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่

ในวันพุธ (5) เช่นกัน สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐฯ (เอฟเอเอ) แถลงว่า จะลดการเดินทางทางอากาศลง 10% ในท่าอากาศยานที่มีผู้ใช้หนาแน่น 40 แห่งตั้งแต่เช้าวันศุกร์ (7) เพื่อรักษาความปลอดภัยในสถานการณ์ที่ขาดแคลนเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ จะประกาศรายชื่อสนามบินเหล่านี้ในวันพฤหัสฯ (6)

บรรดาเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศและเจ้าหน้าที่สำนักงานความปลอดภัยในการเดินทางจำนวนรวมกว่า 60,000 คน ต้องทำงานโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. และส่วนใหญ่ต้องทำงานล่วงเวลาสัปดาห์ละ 6 วัน ทำให้ไม่มีเวลาหารายได้เสริม เจ้าหน้าที่จำนวนมากจึงเลือกลาป่วยเพื่อให้สามารถหารายได้มาใช้จ่ายระหว่างที่ไม่ได้รับเงินเดือน ส่งผลให้สนามบินหลายแห่งขาดแคลนเจ้าหน้าที่ และเที่ยวบินล่าช้าหรือกระทั่งต้องยกเลิกเที่ยวบิน

ไบรอัน เบดฟอร์ด ผู้อำนวยการเอฟเอเอ ระบุว่า ได้รับรายงานความปลอดภัยโดยสมัครใจจากนักบินว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศเหนื่อยล้ามากขึ้น และสำทับว่า ตนและฌอน ดัฟฟี รัฐมนตรีคมนาคม ไม่ต้องการรอจนสถานการณ์เข้าสู่ภาวะวิกฤต

ซีเรียม ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ด้านการบิน ประเมินว่า คำสั่งใหม่ของเอฟเอเออาจส่งผลต่อเที่ยวบิน 1,800 เที่ยว และผู้โดยสาร 268,000 คน

สายการบินชั้นนำ สหภาพแรงงานการบิน และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยรวม พยายามเรียกร้องให้คองเกรสยุติการชัตดาวน์

เจฟฟ์ ฟรีแมน นายกและซีอีโอของสมาคมการเดินทางแห่งอเมริกา แถลงว่า การชัตดาวน์สร้างความกดดันในการปฏิบัติงาน และบีบให้ต้องตัดสินใจอย่างยากลำบากเนื่องจากส่งผลให้การเดินทางหยุดชะงักและทำลายความเชื่อมั่นต่อประสบการณ์การเดินทางทางอากาศของอเมริกา

(ที่มา: เอพี/เอเอฟพี//รอยเตอร์)
กำลังโหลดความคิดเห็น