xs
xsm
sm
md
lg

อเมริกาเดือด! ทรัมป์ส่งทหารไปชิคาโก หลังเหตุการณ์ จนท.ยิงผู้ประท้วงหญิง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเอฟพี - ทรัมป์ส่งทหาร 300 นายไปชิคาโก หลังเจ้าหน้าที่รัฐยิงผู้หญิงคนหนึ่งที่เชื่อว่า มีอาวุธและขับรถพุ่งชนรถเจ้าหน้าที่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (4 ต.ค.) ขณะที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นชี้ขาดว่า ประมุขทำเนียบขาวไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่า เหตุการณ์รุนแรงในพอร์ตแลนด์เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามโค่นล้มรัฐบาล และไม่มีความจำเป็นต้องส่งทหารเข้าไปแทรกแซง เนื่องจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นสามารถจัดการได้

วิกฤตความขัดแย้งคุกรุ่นทั่วอเมริกา ภายหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้กำลังทหารเข้าปราบปราบอาชญากรรมและผู้ลักลอบเข้าเมือง ขณะที่พรรคเดโมแครตกล่าวหาทรัมป์ว่า กำลังใช้อำนาจเผด็จการ

อบิเกล แจ็คสัน แถลงเมื่อวันเสาร์ว่า ทรัมป์ได้ส่งทหารจากกองกำลังป้องกันประเทศ 300 นายไปคุ้มครองเจ้าหน้าที่และทรัพย์สินของรัฐบาลกลางในเมืองชิคาโก หลังจากที่รีพับลิกันขู่เรื่องนี้มาหลายสัปดาห์ และสำทับว่า ทรัมป์จะไม่ยอมเพิกเฉยต่อการไม่เคารพกฎหมายในเมืองต่างๆ

ดิ๊ก เดอร์บิน วุฒิสมาชิกรัฐอิลลินอยส์ วิจารณ์คำสั่งของทรัมป์ว่า เป็นเรื่องน่าละอายในประวัติศาสตร์อเมริกา พร้อมโจมตีว่า ทรัมป์ไม่ได้ต้องการต่อสู้กับอาชญากรรม แต่เจตนาหว่านเพาะความหวาดกลัว

ชิคาโกและพอร์ตแลนด์คือสองเมืองล่าสุดที่อยู่ภายใต้การบริหารของเดโมแครตและทรัมป์สั่งใช้ปฏิบัติการบุกตรวจ หลังจากก่อนหน้านี้ได้ส่งทหารเข้าสู่ลอสแองเจลีสและวอชิงตัน

ในการบุกตรวจดังกล่าวมีการใช้ชายสวมหน้ากากติดอาวุธที่นั่งมาในรถที่ไม่มีเครื่องหมายหน่วยงานใดและรถหุ้มเกราะ โดยมีเป้าหมายที่ย่านที่อยู่อาศัยและย่านธุรกิจ สร้างความไม่พอใจและจุดชนวนการประท้วง

ทรัมป์ย้ำว่า พอร์ตแลนด์เป็นเมืองที่ถูกย่ำยีจากสงครามและเต็มไปด้วยอาชญากรรมรุนแรง ทว่า เมื่อวันเสาร์ แคริน อิมเมอร์กัต ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น วินิจฉัยว่า การตัดสินใจของทรัมป์ไม่เชื่อมโยงกับความจริง เนื่องจากแม้มีการโจมตีเจ้าหน้าที่และทรัพย์สินของรัฐบาลในเมืองนี้ แต่คณะบริหารของทรัมป์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ความรุนแรงเหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่มีการจัดการเพื่อโค่นล้มรัฐบาลโดยรวม

อิมเมอร์กัตยังระบุว่า การประท้วงในพอร์ตแลนด์ไม่ใช่ความเสี่ยงที่จะเกิดกบฏ และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายปกติสามารถจัดการเหตุการณ์เหล่านั้นได้

รอน ไวเดน วุฒิสมาชิกโอเรกอน ยกย่องคำวินิจฉัยดังกล่าวว่า สนับสนุนสิ่งที่ชาวโอเรกอนรับรู้อยู่แล้ว นั่นคือ โอเรกอนไม่จำเป็นหรือต้องการให้ทรัมป์ส่งทหารเข้าไปยั่วยุให้เกิดความรุนแรง

ด้านสตีเฟน มิลเลอร์ รองหัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาว โพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า คำสั่งของผู้พิพากษาเป็นการกบฏโดยถูกต้องตามกฎหมาย และกล่าวหาผู้นำในโอเรกอนว่า อยู่เบื้องหลังการโจมตีของผู้ก่อการร้ายต่อรัฐบาลกลาง

ก่อนหน้านั้นในวันเสาร์ ทริเซีย แม็กลาฟลิน ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ แถลงว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางคนหนึ่งในเมืองชิคาโกยิงคนขับรถคนหนึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายตกอยู่ในวงล้อมของรถ 10 คัน โดยคนขับรถคันหนึ่งที่พุ่งชนรถเจ้าหน้าที่พกปืนกึ่งอัตโนมัติ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องยิงคนขับรถคันดังกล่าวเพื่อป้องกันตัว

เอเอฟพีรายงานว่า คนขับรถที่ถูกยิงซึ่งเป็นผู้หญิงขับรถไปทำแผลที่โรงพยาบาลด้วยตนเอง ทว่า ลาร์รี เมอร์ริตต์ โฆษกแผนกดับเพลิงชิคาโก เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ซัน-ไทมส์ว่า เจ้าหน้าที่พบว่า ผู้หญิงคนดังกล่าวยังรู้สึกตัวดีและได้นำส่งโรงพยาบาล

แมคลาฟลินยังกล่าวหาว่า ตำรวจชิคาโกไม่ยอมเข้าไปช่วยรักษาความปลอดภัยบริเวณดังกล่าวและปล่อยให้สถานการณ์ลุกลามจนต้องมีการใช้อาวุธ

สำนักงานตำรวจชิคาโกให้สัมภาษณ์เครือข่ายฟ็อกซ์ 32 ว่า ตำรวจได้รับแจ้งและไปยังที่เกิดเหตุ แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ดังกล่าวหรือการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเสริมว่า ขณะนี้หน่วยงานของรัฐบาลกลางกำลังสอบสวนเรื่องนี้

ภายหลังเหตุการณ์นั้น ผู้ประท้วงชุมนุมกันและตะโกนขับไล่เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (ไอซ์) ก่อนถูกตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตาและกระสุนพริกไทจนต้องสลายตัวชั่วคราว ก่อนกลับมาชุมนุมอีกครั้งและสลายตัวหลังจากเจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกไป

ปฏิบัติการ “โอเปอเรชัน มิดเวย์ บลิตซ์” ของทรัมป์เริ่มต้นขึ้นในชิคาโกเมื่อเดือนที่แล้ว และเหตุการณ์ในวันเสาร์ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้าหน้าที่รัฐเป็นฝ่ายเปิดฉากยิง
กำลังโหลดความคิดเห็น