xs
xsm
sm
md
lg

ทรัมป์อ้างอเมริกาเจอการรุกรานจากภายใน แนะกองทัพใช้ ‘เมืองอันตราย’เป็นสนามฝึกกำลังพล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พวกผู้บังคับบัญชาทหารระดับอาวุโสของสหรัฐฯรับฟัง ขณะประธานาธิบดีดดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นพูด ที่ฐานทัพเหล่านาวิกโยธิน ควอนติโก ใกล้ๆ กรุงวอชิงตัน เมื่อวันอังคาร (30 ก.ย.)
ทรัมป์ประกาศกลางที่ประชุมผู้บัญชาการทหารสหรัฐฯหลายร้อยนาย ว่าอเมริกากำลังเผชิญ “ศึกภายใน” พร้อมแนะให้ใช้ “เมืองอันตราย” เป็นสนามฝึกสำหรับกำลังพล และกำชับให้กองทัพเตรียมพร้อมมีส่วนร่วมในการปราบปรามอาชญากรรมในเมืองที่อยู่ภายใต้การบริหารของเดโมแครต ขณะเดียวกัน เฮกเซธ-นายใหญ่เพนตากอนก็ตำหนิ “นายพลอ้วน” และพวกแผนริเริ่มให้ยอมรับความหลากหลาย ว่าเป็นสาเหตุให้กองทัพสหรัฐฯ เสื่อมทรุดลงตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา

ต่อหน้านายทหารระดับนายพลหลายร้อยคน ที่ถูกเรียกตัวจากทั่วโลกให้ไปประชุมกัน ณ ฐานทัพนาวิกโยธินที่ควอนติโก ใกล้กรุงวอชิงตันเมื่อวันอังคาร (30 ก.ย.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มต้นกล่าวปราศรัย โดยบอกว่า ภายใต้คณะบริหารของตน กองทัพอเมริกันกำลัง “ฟื้นจิตวิญญาณนักรบ” ขึ้นมาใหม่

ตลอด 72 นาทีที่เขาพูด ทรัมป์เน้นหนักประเด็นการเมืองภายในประเทศ ซึ่งตรงกันข้ามกับพวกประธานาธิบดีสหรัฐฯในอดีต ที่มักหลีกเลี่ยงการพาดพิงถึงเรื่องเช่นนี้เมื่อปราศรัยต่อหน้าเหล่าทหาร

ประธานาธิบดีวัย 79 ปีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้ ยังระบุว่า อเมริกาควรใช้พวกเมืองในประเทศที่มีปัญหาอันตรายต่างๆ เป็นสนามฝึกสำหรับกองทัพ

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ได้จัดส่งกองทหารหน่วยไปยังลอสแองเจลิสและวอชิงตัน ดีซี อันเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่เขาระบุว่า เป็นการปราบปรามอาชญากรรมและการลักลอบเข้าเมือง เขายังสั่งให้ส่งทหารไปยังเมมฟิสและพอร์ตแลนด์ซึ่งถือเป็น “เขตสงคราม” และบอกว่า ชิคาโกจะเป็นเป้าหมายต่อไป

เมืองเหล่านี้ทั้งหมดอยู่ภายใต้การบริหารของนายกเทศมนตรีจากพรรคเดโมแครต

ทรัมป์ยอมรับว่า ถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องการส่งทหารไปยังเมืองต่างๆ แต่ยืนยันว่า อเมริกากำลังเผชิญการรุกรานจากภายในจากพวกลักลอบเข้าเมืองที่คณะบริหารพยายามเนรเทศออกไป

ยิ่งกว่านั้นก่อนออกจากทำเนียบขาว ทรัมป์ยังบอกกับผู้สื่อข่าวว่า จะปลดผู้นำทางทหารที่ตัวเองไม่ชอบ และเมื่อไปถึงที่ประชุมยังกล่าวว่า ผู้ที่ไม่ชอบสิ่งที่ตนพูดสามารถลุกออกจากห้องประชุมด้วย ก่อนสัพยอกว่า ตำแหน่งและอนาคตอาจหลุดลอยไปด้วย

นอกจากประเด็นการเมืองภายในประเทศแล้ว ทรัมป์ยังกล่าวถึงประเด็นอื่นๆ เช่น ศักยภาพของเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของอเมริกา อีกทั้งยังวิจารณ์สื่อ อดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน และเวเนซุเอลา อย่างดุเดือด

ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่นับจากที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม ซึ่งรวมถึงการปลดนายทหารระดับสูงหลายคน การแบนหนังสือบางเล่มจากห้องสมุดกองทัพ และการสั่งโจมตีขั้นรุนแรงต่อเรือที่สงสัยว่า ลักลอบขนยาเสพติดนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา

เดือนกันยายน ทรัมป์ยังลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารให้เปลี่ยนชื่อกระทรวงกลาโหมเป็น “กระทรวงสงคราม” อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนแปลงนี้ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาเสียก่อน

พีธ เฮกเซธ นายใหญ่เพนตากอน ขณะพูดกับพวกผู้นำทหารอาวุโสหลายร้อยนายของสหรัฐฯ ที่ฐานทัพเหล่านาวิกโยธิน ควอนติโก ใกล้ๆ กรุงวอชิงตัน เมื่อวันอังคาร (30 ก.ย.)
ทางด้านพีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหม ที่สั่งเรียกตัวนายพลสหรัฐฯ จากทั่วโลกกลับไปประชุมที่อเมริกาคราวนี้แบบปุบปับและไม่ปกตินั้น กล่าวว่า ผู้นำทางการเมืองที่โง่เขลาและสะเพร่าได้กำหนดเส้นทางผิดๆ และทำให้กระทรวงกลาโหมกลายเป็น “กระทรวงตื่นรู้” ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องยุติลง

เฮกเซธยังปกป้องการตัดสินใจของตัวเองว่า การปลดนายพลเรือ ซึ่งรวมถึงนายพลผิวดำและพลเรือเอกหญิงนั้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่เหล่านั้นเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่ล้มเหลว

เขายังรับปากเปลี่ยนแปลงวิธีการที่เพนตากอนจัดการการร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติ และการสอบสวนข้อกล่าวหากระทำผิด เนื่องจากในระบบปัจจุบันนั้นเหล่านายทหารระดับสูงระมัดระวังเกินไป ก่อนสำทับว่า ผู้ที่ไม่เห็นด้วยสามารถลาออกได้

เฮกเซธยังบอกว่า ที่ผ่านมากองทัพสหรัฐฯ มีทหารจำนวนมากที่ได้เลื่อนยศด้วยเหตุผลผิดๆ โดยอิงกับเชื้อชาติ เพศ และประวัติ และย้ำว่า หมดยุคความถูกต้องทางการเมืองในกองทัพแล้ว

เฮกเซธ อดีตผู้ประกาศข่าวจากฟ็อกซ์ นิวส์ เสริมว่า รับไม่ได้กับนายพลที่อ้วนฉุ และกำหนดให้มีการทดสอบความฟิตของร่างกายปีละ 2 ครั้ง พร้อมกำชับว่า ทหารสหรัฐฯ ต้องตัดผมสั้นและไม่ไว้หนวดเครา

(ที่มา: เอเอฟพี/รอยเตอร์)
กำลังโหลดความคิดเห็น