เอเอฟพี – ทรัมป์ส่งกองกำลังป้องกันชาติปราบม็อบในแอลเอที่ “ไม่เคารพกฎหมาย” เมื่อวันเสาร์ (7 มิ.ย.) หลังการประท้วงต่อต้านการบุกจับผู้อพยพลุกลามเป็นความรุนแรงในบางจุด รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ยังประกาศกร้าวพร้อมส่งทหารหน่วยอื่นเข้าไปเสริม หลังผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียวิจารณ์คำสั่งประธานาธิบดีว่า จงใจยั่วยุและทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ายึดอำนาจการควบคุมทางทหารของรัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อส่งกองกำลังป้องกันชาติเข้าสู่ลอสแองเจลีส ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่การเผชิญหน้ากับผู้ประท้วง
แคโรไลน์ เลวิต โฆษกทำเนียบขาว แถลงเมื่อคืนวันเสาร์ว่า ทรัมป์ได้ลงนามในประกาศของประธานาธิบดีให้ส่งสมาชิกกองกำลังป้องกันชาติ 2,000 นายไปจัดการสถานการณ์ในแอลเอที่ปล่อยให้มีการกระทำที่ไม่เคารพกฎหมาย และสำทับว่า คณะบริหารไม่ยอมรับพฤติกรรมการก่ออาชญากรรมและความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายที่พยายามปฏิบัติหน้าที่
กองกำลังป้องกันชาติซึ่งเป็นทหารกองหนุน มักถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจในเหตุภัยพิบัติธรรมชาติ น้อยครั้งมากที่จะเข้าไปจัดการสถานการณ์ความไม่สงบในหมู่พลเรือน เช่น เมื่อครั้งเกิดเหตุจลาจลในแอลเอหลังการสังหารจอร์จ ฟอยด์ในปี 2020
เกวิน นิวซอม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับทรัมป์และพรรครีพับลิกันมายาวนาน ประณามคำสั่งจากทำเนียบขาวว่า มีเจตนายั่วยุและรังแต่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง พร้อมยืนยันว่า เจ้าหน้าที่แอลเอสามารถเข้าถึงความช่วยเหลือในการบังคับใช้กฎหมายได้ทันทีที่ต้องการ และทางรัฐประสานงานกับแอลเอและเทศมณฑลอย่างใกล้ชิด ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีคำขอใดที่ไม่ได้รับการตอบสนอง
นิวซอมย้ำในโพสต์บนเอ็กซ์ว่า คำสั่งของทรัมป์เป็นภารกิจที่ผิดพลาดซึ่งจะบ่อนทำลายความไว้วางใจของประชาชน อย่างไรก็ตาม พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหม กลับเตือนว่า ถ้าสถานการณ์ความรุนแรงยังไม่ยุติลง อาจส่งนาวิกโยธินที่ประจำการอยู่ที่แคมป์แพนเดิลตันเข้าไปเสริม
นับจากเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม ทรัมป์ประกาศปราบปรามการลักลอบเข้าเมืองอย่างเด็ดขาด โดยเรียกคนเหล่านั้นว่า “ปีศาจ” และ “สัตว์”
การเผชิญหน้าเมื่อวันเสาร์ที่เกิดขึ้นที่ย่านพาราเมาต์ที่ผู้ประท้วงไปชุมนุมกันนั้น มีจุดเริ่มต้นจากการที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองที่สวมหน้ากากและติดอาวุธบุกตรวจค้นในออฟฟิศที่เป็นที่รู้จักหลายแห่งในหลายพื้นที่ของแอลเอ และมีผู้ถูกจับกุมนับสิบคน ส่งผลให้ฝูงชนไม่พอใจและเกิดการเผชิญหน้าหลายชั่วโมงในวันศุกร์ (6 มิ.ย.)
คาเรน เบสส์ นายกเทศมนตรีลอสแองเจลีส ยอมรับว่า ชาวเมืองบางคนกลัวภายหลังการบุกตรวจค้นดังกล่าว และทุกคนมีสิทธิ์ประท้วงอย่างสันติ แต่ความรุนแรงและการทำลายทรัพย์สินเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และผู้กระทำผิดจะต้องรับผิดชอบ
แดน บอนจิโน รองผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) แถลงว่า มีผู้ถูกจับกุมหลายคนภายหลังการปะทะเมื่อวันศุกร์ โดยตลอดสองวันที่มีการเผชิญหน้า เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางได้ยิงระเบิดแสงและแก๊สน้ำตาใส่ฝูงชนที่โกรธแค้น
คลิปบนโซเชียลมีภาพรถถูกเผาบริเวณสี่แยกแห่งหนึ่ง และภาพผู้ประท้วงขว้างดอกไม้ไฟใส่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายที่กำลังเรียกร้องให้ฝูงชนอยู่ในความสงบ
ลอสแองเจลีส ไทม์รายงานในวันเสาร์ว่า นอกจากการเรียกร้องให้ปลดเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรแล้ว ผู้ประท้วงบางคนยังโบกธงชาติเม็กซิโก และบางคนเผาธงชาติอเมริกา
ฝูงชนยังกรูกันไปยังรถบัสของหน่วยงานตำรวจศาลที่วิ่งมาจากฟรีเวย์ และต่อมาเจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปเคลื่อนย้ายผู้ประท้วงออกจากถนน รวมทั้งป้องกันไม่ให้ผู้ประท้วงจากที่อื่นหลั่งไหลมาสมทบ
สตีเฟน มิลเลอร์ รองหัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาว กล่าวหาผู้ประท้วงว่า ก่อความวุ่นวาย ละเมิดกฎหมายและอธิปไตยของอเมริกา
ทั้งนี้ ลอสแองเจลีสเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความหลากหลายด้านประชากรมากที่สุดในอเมริกา จากข้อมูลสำมะโนประชากร เฉพาะย่านพาราเมาต์ ประชากร 82% จากราว 50,000 คนเป็นคนกลุ่มคนที่พูดภาษาสเปนหรือคนที่มาจากอเมริกาใต้