(เก็บความจากเอเชียไทมส์ https://asiatimes.com/2025/09/chinas-exports-keep-rising-despite-trumps-tariffs/)
China’s exports keep rising despite Trump’s tariffs
by Nigel Green
09/09/2025
ในยุคสมัยที่นิยามจำกัดความกันด้วยภาษีศุลกากร, ลัทธิกีดกันการค้า, และข้อพิพาททางการค้าเช่นในปัจจุบัน ข้อเท็จจริงที่ว่าจีนยังคงสามารถส่งออกได้สูงขึ้นในอัตรากว่า 4% ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ย่อมไม่ใช่เรื่องที่จะมาบอกว่าไร้ความโดดเด่นเตะตาใดๆ
เรื่องจริงๆ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ ซึ่งน่าจะจดจำรับทราบกันไว้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องที่ว่าการส่งออกของจีนได้ชะลอตัวลง --ถึงแม้นั่นเป็นความคิดเห็นที่ถูกผลิตออกมาเป็นพาดหัวข่าวชวนหดหู่กระจายออกไปทั่วโลก— ตรงกันข้ามเลย มันคือเรื่องที่ว่าการส่งออกของจีนยังคงกำลังเติบโตขยายตัวต่อไปได้ต่างหาก
ตามข้อมูลตัวเลขของทางการจีน การขนส่งสินค้าไปยังต่างแดนในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เพิ่มสูงขึ้นในอัตรา 4.4% ถือเป็นฝีก้าวที่อ่อนปวกเปียกที่สุดในรอบระยะเวลาครึ่งปี แต่กระนั้นก็ยังคงเป็นการขยายตัวต่อไปได้ในเวลาที่พวกปัจจัยอย่างภาษีศุลกากร, ความตึงเครียดทางการเมือง, และอุปสงค์ความต้องการในทั่วโลกก็กำลังชะลอลง ควรที่จะเป็นตัวฉุดรั้งตัวเลขนี้ให้ถอยหลังลงมา
ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ประเทศจำนวนมากทีเดียวคงได้แค่ฝันหวานเท่านั้นถ้าหากการส่งออกจะเติบโตได้สัก 4% แล้วจีนยังทำได้แบบนี้ในสภาพที่อยู่ใต้แรงกดดันอันหนักอึ้งของสงครามการค้ากับสหรัฐฯที่คาดการณ์ทำนายล่วงหน้าอะไรไม่ได้เอาเสียเลย
ความสามารถในการหยุ่นตัวที่กลับคืนมาอยู่ในสภาพเดิมได้หลังจากถูกกดดันบีบคั้นเช่นนี้ ต้องถือว่าเป็นเรื่องน่าประทับใจ เมื่อมองเข้าไปในรายละเอียด การส่งออกไปยังสหรัฐฯได้พังครืนลงมาถึง 33% ในเดือนสิงหาคม ถือเป็นผลต่อเนื่องซึ่งคาดหมายได้อยู่แล้วหลังจากมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของวอชิงตัน ทว่าการค้าโดยภาพรวมของจีนยังคงขยายตัวได้ เนื่องจากพวกผู้ส่งออกสามารถขายสินค้าไปยังประเทศอื่นๆ ที่เหลือของโลกเพิ่มมากขึ้น
การขนส่งสินค้าไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พุ่งพรวดขึ้นมากว่า 22% ขณะเดียวกันยอดส่งออกไปสู่สหภาพยุโรปก็เติบโต 10% ยอดได้เปรียบดุลการค้าของจีนถ่างกว้างขึ้นเป็นกว่า 102,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในเดือนที่แล้ว สูงขึ้นจากยอด 98,000 ล้านดอลลาร์ของเดือนกรกฎาคม
แบบแผนที่ปรากฏจึงสามารถพูดได้อย่างชัดเจนไม่ต้องกลัวผิดพลาดว่า ถึงแม้การค้าของจีนกำลังมีผลงานย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ในสหรัฐฯ แต่ในที่อื่นๆ ยังคงขยายตัวรวมทั้งในกลุ่มประเทศโลกใต้ (Global South)
นี่ไม่ใช่เป็นเพียงอุบัติเหตุทางเลขคณิต ตั้งแต่ที่อัตราภาษีศุลกากรระเบิดตูมตามขึ้นมาในเดือนเมษายน พวกผู้ส่งออกก็ถูกบังคับให้ต้องปรับแต่งแปลงโฉมบรรดาห่วงโซ่อุปทานของพวกเขากันใหม่ และเจาะเข้าสู่ตลาดแห่งใหม่ๆ
ปักกิ่งอยู่ในสภาพที่ต้องพึ่งพาอาศัยการค้าอย่างมหาศาลมาเป็นแรมปีแล้ว ทว่าข้อมูลตัวเลขล่าสุดนี้แสดงให้เห็นว่าประเทศนี้สมารถมีความฉับไวขนาดไหนในการปรับเปลี่ยนเส้นทางการไหลเวียนเสียใหม่ เมื่อตลาดแห่งหนึ่งๆ ปิดประตูไม่ยอมรับสินค้าแดนมังกร ปักกิ่งกำลังทำเรื่องที่หลายคนหลายฝ่ายเคยคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ –ซึ่งก็คือ การส่งออกยังคงเติบโต ขณะเดียวกับที่กำลังดูดซับแบกรับภาษีศุลกากรระดับสูงลิ่วอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในบรรดาตลาดมั่งคั่งสุดๆ แต่ไหนแต่ไรมาของตนเอง
ความสำเร็จเช่นนี้ของจีน นอกเหนือจากเรื่องคุณสมบัติในด้านความคล่องแคล่วช่างริเริ่มแล้ว ยังต้องการคำอธิบายอย่างอื่นๆ เพิ่มเติมด้วย ยิ่งกว่านั้น ปี 2024 ที่ผ่านมาถือเป็นปีฐาน ที่ผลประกอบการแข็งแกร่ง ดังนั้นจึงยิ่งทำให้การชะลอตัวลงของเดือนสิงหาคมปีนี้ดูเตะตาโดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก
กระนั้นก็ตาม การพินิจให้เห็นภาพรวมก็เป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าที่พวกพาดหัวข่าวจำนวนมากจะพากันมองข้ามไป จุดสำคัญมากๆ ก็คือ จีนกำลังใช้ช่วงเวลาขณะนี้มาผูกสัมพันธ์แบบลงลึกยิ่งขึ้นกับพวกตลาดเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย
ชาติสมาชิกสมาคมอาเซียนเวลานี้ได้แซงหน้าทั้งอียูและสหรัฐฯแล้วในการก้าวขึ้นเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของจีน และตัวเลขต่างๆ ของเดือนสิงหาคมก็แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์นี้กำลังหยั่งรากลึกมากขึ้น จากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องจักรกล ไปจนถึงพวกสินค้าขั้นกลาง เวลานี้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังกลายเป็นช่องทางแห่งการเติบโตสำคัญที่สุดสำหรับการส่งออกของจีนไปเรียบร้อยแล้ว
แน่นอนทีเดียวว่า สินค้าออกของจีนสู่อาเซียนเหล่านี้บางส่วนเป็นการปรับเส้นทางขนส่งกันใหม่เสียมากกว่า โดยที่บริษัทต่างๆ ในจีนเปลี่ยนเส้นทางขนส่งสินค้าให้มาผ่านเวียดนามหรือมาเลเซีย แล้วจากนั้นจึงค่อยส่งต่อไปยังที่หมายแห่งอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรอัตราสูงลิบ
กระนั้น สินค้าออกเหล่านี้จำนวนมากทีเดียวก็ยังเป็นการสนองอุปสงค์ความต้องการที่มีอยู่จริงๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้บรรดาระบบเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้กำลังบูรณาการเข้ากับจีนด้วยฝีก้าวซึ่งอัตราภาษีศุลกากรที่กำหนดออกมาจากวอชิงตันไม่สามารถทำให้ชะลอลงได้
สำหรับปักกิ่งแล้ว การปรับเปลี่ยนเช่นนี้มีความสำคัญทั้งในทางเศรษฐกิจและในทางยุทธศาสตร์ ทำให้จีนมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลตลอดทั่วทั้งเอเชีย ขณะเดียวกันก็ลดทอนการที่แดนมังกรต้องพึ่งพาอาศัยตลาดผู้บริโภคในสหรัฐฯ
ยุโรปก็เช่นกัน ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางอันแข็งแรงสำหรับสินค้าแดนมังกร รถยนต์ไฟฟ้าและเครื่องอิเล็กทรอนิกส์เพื่อผู้บริโภคของจีนยังคงเอาชนะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดที่นั่นได้มากขึ้นเรื่อยๆ พวกผู้วางนโยบายของยุโรปอาจจะบ่นพึมร้องทุกข์และข่มขู่ที่จะใช้นโยบายต่อต้านทัดทานต่างๆ ทว่าสำหรับพวกผู้ซื้อแล้ว พวกเขาพากันตอบสนองต่อเรื่องราคาและคุณภาพ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ผลิตรถยนต์ชาวจีนกำลังปรับเปลี่ยนโฉมหน้าของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ของโลกอย่างรวดเร็ว สิ่งที่พวกผู้วางนโยบายอียูในบรัสเซลส์มองว่าเป็นความท้าทาย แต่ในสายตาของพวกผู้ส่งออกในเซี่ยงไฮ้และเซินเจิ้นแล้วมันคือโอกาสต่างหาก สำหรับธุรกิจและนักลงทุนที่อยู่นอกประเทศจีนแล้ว มีสัญญาณสำคัญอยู่ 3 อย่างที่โดดเด่นเตะตายิ่ง
ประการแรก เครื่องจักรส่งออกของจีนมีความสามารถในการปรับตัวได้ดียิ่งกว่าที่ผู้คนจำนวนมากคาดการณ์กันเอาไว้ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่คำทำนายต่างๆ ในเรื่องจีนจะพังทลาย ยังคงไม่บังเกิดผลอย่างที่พวกกองแช่งมาดหมายเอาไว้ ในเมื่อบรรดาห่วงโซ่อุปทานกำลังปรับตัวบิดพลิกหันเหไปได้ต่างๆ ทว่าไม่ได้แตกหักลงแต่อย่างใด
ประการที่สอง สงครามการค้าคราวนี้ไม่ได้กำลังทำลายการค้าให้ย่อยยับลงไป มันกำลังเปลี่ยนแปลงภาพรวมของการค้าเท่านั้น การพาณิชย์ระดับโลกกำลังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ โดยที่มีฮับหลายๆ แห่งกระจายตัวออกไป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็กลายเป็นรายหนึ่งที่ได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้อย่างชัดเจน พวกบริษัทที่ยังคงขบคิดมองสถานการณ์ในแง่ที่มีห่วงโซ่อุปทานอยู่ทิศทางเดียวเท่านั้น คือพวกที่กำลังตกยุคตามหลังกระแสไม่ทัน
ประการที่สาม มาตรการภาษีศุลกากรกำลังประสบความล้มเหลว ในการนำเอามาใช้เป็นอาวุธอย่างหนึ่งเพื่อบั่นทอนความแข็งแกร่งของการส่งออกของจีนอย่างไม่มีชั้นเชิง มาตรการนี้ทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายขึ้นสูง แล้วยังก่อให้เกิดความไม่แน่ไม่นอน รวมทั้งทำให้แบบแผนการค้าเปลี่ยนแปลงไปก็จริง ทว่ายังคงไม่สามารถน็อกปักกิ่งให้หลุดออกจากเส้นทางเติบโตโดยอาศัยการค้าเป็นตัวนำของพวกเขาได้สำเร็จ อัตราขยายตัวของการส่งออกระดับ 4% อาจจะฟังดูแล้วไม่น่าตื่นเต้นอะไร ทว่าเมื่อพิจารณาจากเงื่อนไขต่างๆ ในปัจจุบัน มันคือการสาธิตให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความหยุ่นตัว
แต่ถึงจะเป็นอย่างที่ว่ามานี้ เส้นทางข้างหน้าก็ใช่ว่าจะราบรื่น คณะบริหารทรัมป์กำลังเคลื่อนไหวเพื่อหาทางจำกัดคุมเข้มพวกสินค้าเปลี่ยนเส้นทางขนส่ง ให้กวดขันยิ่งขึ้น ส่วนพวกหน่วยงานผู้คุมกฏของยุโรปก็กำลังแสดงความแข็งกร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องรถยนต์อีวี
ภายในประเทศจีนเอง อุปสงค์ความต้องกายภายในประเทศที่ยังคงอ่อนแรง และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังซึมเซา ย่อมหมายความว่าการส่งออกจะต้องทำอะไรมากขึ้นไปอีกในการรับภาระหนักเป็นตัวคอยพยุงให้เศรษฐกิจโดยรวมกันคงอยู่สูงต่อไปได้
กระนั้นก็ตาม ตัวเลขการส่งออกในเดือนสิงหาคมยังคงแสดงให้เห็นว่าพวกผู้ผลิตของจีนกำลังร่วมส่วนสร้างอัตราเติบโต ในเวลาที่เผชิญกับอุปสรรคอันหนักอึ้งและเพิ่มทวีขึ้นเรื่อยๆ ในยุคสมัยที่นิยามจำกัดความกันด้วยภาษีศุลกากร, ลัทธิกีดกันการค้า, และข้อพิพาททางการค้า ข้อเท็จจริงที่ว่าสินค้าของจีนยังคงมีการขนส่งออกไปมากขึ้นได้ ย่อมไม่ใช่เรื่องที่จะมาบอกว่าไร้ความโดดเด่นเตะตาใดๆ
ไนเจล กรีน เป็นซีอีโอและผู้ก่อตั้งกลุ่มเดอเวียร์ (deVere Group) หนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินและองค์การด้านเทคโนโลยีทางการเงิน (ฟินเทค) อิสระรายใหญ่ที่สุดของโลก เขาเขียนเรื่องให้เอเชียไทมส์อย่างสม่ำเสมอมานานปี