เทศกาลน้ำประจำปีในกรุงพนมเปญ จะถูกยกเลิกในปีนี้ สืบเนื่องจากวิกฤตชายแดนกัมพูชา-ไทย เพื่อจัดการกับความกังวลเกี่ยวกับประเด็นประชาชนพลัดถิ่นฐานและแรงงานจำนวนมหาศาลเดินทางกลับจากไทย ตามคำแถลงของฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาในตอนเช้าวันพุธ(3ก.ย.)
อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต ยืนยันว่างานเฉลิมฉลองเทศกาลน้ำตามต่างจังหวัดยังสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และยังคงวันหยุดนักขัตฤกษ์ 3 วันสำหรับทุกคนตามเดิม ในนั้นรวมถึงช้าราชการและลูกจ้างเอกชน เพื่อที่ประชาชนจะสามารถสนุกสนานกับเทศกาลได้นอกกรุงพนมเปญ
ในขณะเดียวกัน หน่วยงานรัฐบาลในทุกระดับได้รับคำสั่งให้สนใจอย่างใกล้ชิดในการจัดการกับปัญหาต่างๆ ทั้งในด้านอาหาร ที่พักพิงและยา สำหรับประชาชนที่พลัดถิ่นในพื้นที่ของพวกเขา
ปกติแล้ว กัมพูชาจะเฉลิมฉลองเทศกาลน้ำ 3 วัน ด้วยขบวนเรือราชพิธี, การลอยประทีปและโคมลอย รวมถึงบอน อม ตุก(เทศกาลน้ำ) ในทุกๆปี ซึ่งดึงดูดผู้คนหลายล้านคนมายังกรุงพนมเปญและพื้นที่อื่นๆของประเทศ
ทั้งชาวบ้านท้องถิ่นและแขกผู้มาเยือนต่างชาติจะไหลบ่ามารวมตัวกันที่กิจกรรมดัวกล่าว โดยไม่ใช่แค่การแข่งเรือเท่านั้น ยังมีการจุดพลุไฟและลอยทุ่นประดับไฟบริเวณแม่น้ำบาสักและแม่น้ำโขง เช่นเดียวกับบนท้องฟ้ายามค่ำคืนด้านนอกพระราชวังในกรุงพนมเปญ ตามรายงานของคิริโพสต์
"งานเฉลิมฉลองนี้มีเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมเขมรที่มีมาเป็นเวลานาน แต่ในปีนี้ เทศกาลถูกยกเลิกในเมืองหลวง แต่ตามจังหวัดต่างๆสามารถจัดได้ตามปกติ ตามกรอบวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมประเพณี รวมถึงศักยภาพของเจ้าหน้าที่และพลเรือน" ฮุน มาเน็ตกล่าว
สำนักข่าวคิริโพสต์รายงานว่าระหว่างเฉลิมฉลองเมื่อปีที่แล้ว จำนวนนักท่องเที่ยวท้องถิ่นเพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตขึ้น 28% สูงสุดเป็นประวัติการณ์
กระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชารายงานว่ามีชาวบ้านกว่า 7.8 ล้านคนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ 90,000 รายที่เข้าร่วมงานในปี 2024 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากยกเลิกไปในช่วง 3 ปีก่อนหน้านี้ สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการประชุมซัมมิตอาเซียน
ในปีนี้ เทศกาลนี้มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 ถึง 6 พฤศจิกายน แต่รัฐบาลตัดสินใจยึดมั่นต่อการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ตามคำกล่าวอ้างของคิริโพสต์
"รัฐบลให้ความใส่ใจอย่างใกล้ชิดกับสถานการณ์ปัจจุบันตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการจัดการกับประเด็นประชาชนผู้พลัดถิ่นและแรงงานกัมพูชาที่เดินทางกลับจากไทย" ฮุน มาเน็ตกล่าว
เมื่อเร็วๆนี้ ซุน เมสา โฆษกกระทรวงแรงงานและฝึกอบรมอาชีวศึกษาแห่งกัมพูชา ยืนยันว่าเหตุปะทะรุนแรง 5 วัน ตามแนวชายแดนที่ปะทุขึ้นในวันที่ 24 กรกฏาคม กระตุ้นให้แรงงานกัมพูชาในไทย ราวๆ 910,000 คน จากทั้งหมด 1.2 ล้านคน เดินทางกลับประเทศ
เมสา บอกว่าทางกระทรวงฯกำลังประสานงานและอำนวยความสะดวกในการหางานแก่แรงงาน ขณะที่กระทรวงอื่นๆและฝ่ายบริหารท้องถิ่นจำเป็นต้องมุ่งเน้นส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น ด้วยการรับประกันเสียรภาพทางราคาและห่วงโซ่อุปทาน สนับสนุนผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น และแก้ไขปัญหาทางโครงสร้างที่เป็นตัวเตะถ่วงภาคธุรกิจและการลงทุน
(ที่มา:คิริโพสต์)