อิสราเอลอนุมัติขั้นสุดท้ายแผนตั้งถิ่นฐานชาวยิวในเวสต์แบงก์ ท่ามกลางการประณามจากนานาชาติ เนื่องจากเป็นการแบ่งแยกดินแดนผืนใหญ่ที่สุดซึ่งมีชาวปาเลสไตน์พำนักอาศัยอยู่ ออกเป็นสองส่วน และบ่อนทำลายแนวทางการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์เคียงข้างรัฐอิสราเอลเพื่อยุติความขัดแย้งของสองฝ่าย ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดพบคนอเมริกันส่วนใหญ่เชื่อว่า ทุกประเทศในยูเอ็นควรรับรองปาเลสไตน์ในฐานะประเทศ
อิสราเอลใฝ่ฝันมานานแล้วว่า จะสร้างชุมชนชาวยิวที่เรียกกันว่า โครงการอี1 ขึ้นบนพื้นที่ราว 12 ตารางกิโลเมตรในเขตเวสต์แบงก์ อีกทั้งจะเป็นการตัดขาดเวสต์แบงก์ออกจากซีกตะวันออกของนครเยรูซาเลม ซึ่งชาวปาเลสไตน์วาดหวังจะสถาปนาให้เป็นเมืองหลวงของรัฐปาเลสไตน์ในอนาคต แต่แผนการนี้หยุดชะงักมาหลายปีท่ามกลางการคัดค้านจากอเมริกาและยุโรป ขณะที่การตั้งถิ่นฐานของชาวอิสราเอลทั้งหมดในเวสต์แบงก์ที่ยิวเข้ายึดครองตั้งแต่ปี 1967 ล้วนเข้าข่ายละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
ทว่า สัปดาห์ที่แล้ว เบซาเลล สโมทริชต์ รัฐมนตรีคลังอิสราเอลที่เป็นพวกขวาจัด ประกาศสนับสนุนการสร้างที่พักอาศัยราว 3,400 หลังในบริเวณดังกล่าว และต่อมาในวันพุธ (20 ส.ค.) เขาเปิดเผยว่า คณะกรรมการวางแผนของกระทรวงกลาโหมอนุมัติแผนการขั้นสุดท้ายแล้ว
การฟื้นโครงการนี้ซึ่งจะแบ่งแยกเขตยึดครองเวสต์แบงก์ออกเป็นสองส่วน และตัดขาดจากเยรูซาเลมตะวันออกเช่นนี้ กำลังทำให้อิสราเอลถูกนานาประเทศโดดเดี่ยวมากยิ่งขึ้น โดยขณะนี้พันธมิตรตะวันตกบางชาติซึ่งไม่พอใจที่รัฐยิวยังเดินหน้าขยายปฏิบัติการทางทหารในกาซา ประกาศว่า อาจรับรองรัฐปาเลสไตน์ในระหว่างการประชุมประจำปีสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ นเดือนหน้า
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการยูเอ็น ออกมาเรียกร้องในวันพุธ ให้อิสราเอลระงับแผนการนี้ทันที เนื่องจากเป็นภัยคุกคามการดำรงอยู่ของรัฐปาเลสไตน์และการแก้ไขความขัดแย้งผ่านแนวทางสองรัฐ
องค์การบริหารปาเลสไตน์ (พีเอ) ก็ประณามความเคลื่อนไหวล่าสุดของอิสราเอลว่า เป็นการบ่อนทำลายการดำเนินการแนวทางสองรัฐ รวมถึงเอกภาพด้านภูมิศาสตร์และประชากรศาสตร์ของปาเลสไตน์
พีเอสำทับว่า การดำเนินการของอิสราเอลจะทำให้เวสต์แบงก์กลายเป็นดินแดนที่ถูกโดดเดี่ยวและถูกตัดขาดจากดินแดนอีกฝั่ง และกลายเป็นคุกอย่างแท้จริงที่ประชาชนสามารถเดินทางออกจากพื้นที่ได้ผ่านทางจุดตรวจของอิสราเอลเท่านั้น และยังอยู่ภายใต้การคุกคามของพวกผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอิสราเอลที่ครอบครองอาวุธและใช้อาวุธก่อเหตุทำร้ายชาวปาเลสไตน์เป็นประจำ
ทั้งนี้ ในปัจจุบันอิสราเอลซึ่งส่งกำลังทหารเข้ายึดครองเวสต์แบงก์เอาไว้มานานปี ใช้มาตรการจำกัดการเดินทางของชาวปาเลสไตน์ในดินแดนนี้อย่างเข้มงวดอยู่แล้ว โดยต้องชาวปาเลสไตน์ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่อิสราเอลและเดินทางผ่านจุดตรวจจำนวนมากเพื่อข้ามไปยังฝั่งตะวันออกของเยรูซาเลมหรืออิสราเอล
ด้านเดวิด แลมมี รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ แถลงคัดค้านแผนการของอิสราเอลเช่นกัน โดยระบุว่า จะทำให้รัฐปาเลสไตน์ถูกแบ่งแยกออกเป็นสองส่วน และละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
สำหรับสมเด็จพระราชาธิบดีอับดุลลอฮ์ที่ 2 แห่งจอร์แดน ประณามโครงการของอิสราเอล และสำทับว่า แนวทางแบบสองรัฐคือทางเดียวในการบรรลุสันติภาพที่เป็นธรรมและครอบคลุม
ขณะเดียวกัน ความรุนแรงในเวสต์แบงก์ระอุขึ้นหลังจากนักรบฮามาสบุกเข้าไปโจมตีอิสราเอลและจุดชนวนสงครามในกาซา ซึ่งนับจากนั้นทั้งทหารและผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวได้สังหารชาวปาเลสไตน์ในเวสต์แบงก์อย่างน้อย 971 คน ที่รวมถึงกลุ่มติดอาวุธจำนวนมาก ขณะที่คนอิสราเอลที่รวมถึงสมาชิกกองกำลังความมั่นคงเสียชีวิตอย่างน้อย 36 คนจากการโจมตีของปาเลสไตน์หรือระหว่างปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลเอง
อาวีฟ ทาทาร์สกี้ นักวิจัยของ Ir Amim ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนของอิสราเอลที่โฟกัสที่เยรูซาเลมในบริบทความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ประณามการอนุมัติโครงการอี1 ว่า สะท้อนการตัดสินใจแน่วแน่ของอิสราเอลในแผนการเชิงยุทธศาสตร์เพื่อฝังกลบความเป็นไปได้ในการสถาปนารัฐปาเลสไตน์และเพื่อเข้าผนวกเวสต์แบงก์
ทาทาร์สกี้เรียกร้องให้นานาชาติเร่งดำเนินการเพื่อต่อต้านแผนการนี้อย่างเร่งด่วนและมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบัน เขตเวสต์แบงก์มีชาวปาเลสไตน์อาศัยอยู่ 3 ล้านคน และผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวราว 500,000 คน
ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันพุธ รอยเตอร์/อิปซอสส์ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำขึ้นในระยะเวลา 6 วันจนถึงวันจันทร์ (18) ซึ่งพบว่า คนอเมริกัน 58% เชื่อว่า ทุกประเทศในยูเอ็นควรรับรองปาเลสไตน์ในฐานะประเทศ โดยมี 33% ไม่เห็นด้วย ขณะที่ 9% งดตอบ
คนอเมริกัน 65% ยังเห็นว่า อเมริกาควรยื่นมือช่วยเหลือชาวปาเลสไตน์ในกาซาที่กำลังอดอยาก แต่ 28% ไม่เห็นด้วย นอกจากนั้นผู้ตอบแบบสอบถาม 59% ยังเชื่อว่า ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลในกาซารุนแรงเกินไป ขณะที่ 33% ไม่คิดแบบนั้น
(ที่มา: รอยเตอร์/เอเอฟพี)