xs
xsm
sm
md
lg

เขมรแถไม่ไหว!ยอมรับแล้ว'ไมเคิล'คือล็อบบี้ยิสต์ไม่เกี่ยวทำเนียบขาว โวยสื่อต่างชาติรายงานเข้าข้างไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลแห่งชาติกัมพูชาในวันจันทร์(18ส.ค)เรียกร้องอย่าให้ความสำคัญกับสถานภาพของ นายไมเคิล อัลฟาโร นักล็อบบี้ยิสต์ชาวสหรัฐฯ ที่อ้างตัวเป็นผู้สื่อข่าวทำเนียบขาว กล่าวหาไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง จนดึงดูดความสนใจจากนานาชาติ ระบุแม้ความน่าเชื่อถือและบทบาทของเขายังคงเป็นเครื่องหมายคำถาม แต่อยากให้ดูข้อมูลที่เขานำเสนอมากกว่า

Youk Chhang ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลแห่งกัมพูชา ระบุว่าประเด็นหลักในกรณีนี้ไม่ใช่เรื่องของนายอัลฟาโร แต่เป็นรายงานข่าวในที่เกิดเหตุของเขา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในกัมพูชา "เขาไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับทำเนียบขาว เครดิตของเขาคือการพูดความจริงจากที่เกิดเหตุ เขามีความกล้าหาญ และคุณจำเป็นต้องมีคนแบบเขา เพื่อท้าชนแนวรั้วลวดหนามของไทยที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย"

นอกจากนี้แล้ว Youk ยังระบุว่าไทยใช้ประโยชน์จากยุทธศาสตร์ประชาสัมพันธ์ที่มีมาตั้งแต่ทศวรรษ 1930 ผ่านการจัดตั้งกรมประชาสัมพันธ์ในปี 1933 ซึ่งทำให้ไทยมีความได้เปรียบในศึกประชาสัมพันธ์กับกัมพูชา ในเรื่องความขัดแย้งตามแนวชายแดน

"กรมแห่งนี้เดิมทีถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตยและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายต่างๆของรัฐบาล หลังเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่พอเวลาผ่านไป กรมประชาสัมพันธ์แห่งนี้ขยายบทบาทสู่แง่มุมต่างๆนานาอย่างครอบคลุม ทั้งในแง่ประชาสัมพันธ์และพัฒนาประเทศ ในนั้นรวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยว" เขากล่าว

แม้ยอมรับว่าตำแหน่งหน้าที่ของ อัลฟาโร มีความคลุมเครือ แต่ทาง Chheng Kimlong ประธานสถาบัน Asian Vision ในกัมพูชา อ้างว่ารายงานของสื่อมวลชนแห่งนี้ ณ ชายแดนระหว่างกัมพูชาและไทย ควรเป็นสัญญาณเตือนความตระหนักสำหรับบรรดาสื่อมวลชนระหว่างประเทศทั้งหลาย ที่รายงานข่าวเข้าข้างไทย

"รายงานข่าาวของอัลฟาโรตามแนวชายแดนกัมพูชา สะท้อนความจริงในกัมพูชา ซึ่งสวนทางกับนิยายเรื่องราวของฝ่ายไทย" เขากล่าว "จนถึงตอนนี้ เราสามารถมองเห็นได้เลยว่า ไทย มีอิทธิพลเหนือสื่อมวลชนมากกว่า สืบเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่ามีสื่อมวลชนนานาชาติหลายสำนักข่าว มีสำนักงานในประเทศไทย ซึ่งผู้สื่อข่าวส่วนใหญ่ขององค์กรข่าวเหล่านี้ เป็นคนไทย"

ทั้งนี้ Youk กล่าวปิดท้ายว่า ไทย มีทรัพยากรด้านประชาสัมพันธ์ใหญ่โตกว่ามาก ขณะที่การทูตด้านสื่อสารมวลชนของกัมพูชานั้น ค่อนข้างจำกัด "รายงานข่าวส่วนใหญ่ในกัมพูชาผลิตเป็นภาษาท้องถิ่น ผลก็คือมันจำกัดการเข้าถึงคำโต้แย้งที่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และหลักฐานสนับสนุนของกัมพูชา เพราะฉะนั้น มันสำคัญยิ่งที่สื่อมวลชนนานาชาติต้องเข้ามาในกัมพูชา และรายงานข่าวจากแง่มุมของกัมพูชา เพื่อรับประกันความยุติธรรม"

(ที่มา:แขมร์ไทม์ส/mgronline)


กำลังโหลดความคิดเห็น