ลูกน้องสายจงรักภักดีของดยุกแฮร์รีกับดัชเชสเมแกน อดีตสมาชิกพระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ของสำนักพระราชวังอังกฤษ เพิ่งออกโรงมาปฏิบัติหน้าที่พนักงานแสนดี ช่วยโต้ข่าวอื้อฉาวที่เล่นงานนายจ้างอย่าง เมแกน มาร์เคิล ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ด้วยฉายาว่า ดัชเชสโหด และเผด็จการบนส้นสูง แต่กว่าที่มุกนี้จะปรากฏต่อสาธารณชน ศึกน้ำลายโต้ตอบไปมาก็เข้าขั้นเดือดคลั่กๆ นานเกือบ 2 สัปดาห์กันแล้ว
โดยสื่อค่ายยักษ์แสนสนิทรักกันมากกับดยุกและดัชเชส คือ ยูเอส วีคลี รายงานเมื่อวันอังคารที่ 24 กันยายน 2024 ว่าพนักงานแห่งอาร์ชแวลล์ อิงค์ ทั้งรุ่นปัจจุบันและรุ่นลาไปทำงานที่อื่นแล้ว ได้ออกโรงเข้าไปให้ข้อมูลในทางโต้ตอบกับข่าวอื้อฉาวเมื่อ 12 กันยายน ของเดอะฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์ ว่าคู่ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์เป็นนายที่ “ใส่ใจ” พนักงาน เคยแจกสิ่งต่างๆ ให้มากมาย ทั้งเสื้อผ้าเด็กใช้แล้ว ดอกไม้สด ตลอดจน “แพคเกจดูแลกัน” ยูเอส วีคลี รายงาน
ท่านผู้ชมฮือฮากันมากในห้วงตลอดสองสัปดาห์ กับคำกล่าวหาดัชเชสเมแกนที่แพร่สะพัดรุ่นล่าสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข่าวของสื่อค่ายยักษ์แห่งอุตสาหกรรมบันเทิงที่รายงานว่า เมแกน มาร์เคิล Duchess Difficult พูดติเตียนข่มเหงผู้ชายอายุเยอะๆ จนหงอยจ๋อยน้ำตาร่วง ตลอดจนการเดินตรวจตราไปทั่วเหมือนจอมเผด็จการรองเท้าส้นสูง หงุดหงิดโวยวายควันพุ่งออกหู และสั่งการด้วยเสียงเห่าตะคอก จดจนกระทั่งในวันอังคารที่ 24 กันยายน พนักงานของดัชเชสจึงออกโรงมาพรรณนาให้ยูเอส วีคลี ฟังถึงชีวิตการทำงานกับดัชเชสเมแกนที่แสนดีดั่งโรยด้วยกลีบกุหลาบ
แหล่งข่าวซึ่งยังเป็นพนักงานของอาร์ชแวลล์อิงค์อยู่ ออกมาอวยดยุกและดัชเชสไว้กับ ยูเอส วีคลี แบบแปลกๆ คือ ขอไม่เปิดเผยตัวตน ราวกับการสรรเสริญนายจ้างจะส่งผลให้ถูกฟ้องหมิ่นประมาทก็ไม่ปาน
แหล่งข่าวรายนี้บอกว่า ดยุกและดัชเชส “รดน้ำให้เมล็ดพันธุ์” หรือก็คือพวกพนักงาน ได้เติบใหญ่ผลิบาน
สำหรับในส่วนของเจ้าชายแฮร์รี เจ้าของฉายาเก่าแก่ว่า เจ้าชายสายปาร์ตี้ นั้น พวกพนักงานอาร์ชแวลล์ที่โชว์ความจงรักภักดีบอกว่า พระองค์สื่อสารกับพนักงานผ่านซูม คอยไถ่ถามว่าช่วงหยุดเสาร์อาทิตย์ไปทำอะไรมาบ้าง อีกทั้งชวนระดมสมองวางแผนจัดอีเวนท์คาราโอเกะ ตลอดจนปาร์ตีวันหยุด
แหล่งข่าวพนักงานอาร์ชแวลล์อีกคนหนึ่ง อวยดยุกและดัชเชสอย่างเก๋ไก๋ไปอีกแบบว่า “ทั้งสองพระองค์ได้ยินมาว่าฉันรับสุนัขเร่ร่อนมาเลี้ยง วันรุ่งขึ้น ฉันได้ของขวัญเป็นสายจูงแบรนด์หรู พร้อมปลอกคอหมากันเลยทีเดียว”
ด้านพนักงานประเภทเตรียมๆ จะเป็นคุณพ่อคุณแม่ป้ายแดง สองเจ้านายซูเปอร์ไฮโซจะมอบของขวัญใหม่เอี่ยมแกะกล่อง ตลอดจนของมือสองแต่ลักชัวรีแพงระยับ
“อาทิ ที่นั่งเด็กสำหรับโดยสารในรถยนต์แบบว่าแบรนด์นิววิ้งๆ กับของใช้เด็กเบบี๋ที่ปรินซ์อาร์ชี-ปรินเซสลิลิเบตใช้ไปนิดๆ หน่อยๆ ก็ส่งต่อ” พนักงานอาร์ชแวลล์เล่าไว้กับยูเอส วีคลี
“พระองค์อยากจะดูแลพวกเรา” พนักงานรุ่นปัจจุบันรายหนึ่งเล่าอย่างปลื้มปริ่ม
“ดัชเชสจะดูแลเราหลายๆ แบบ เช่น ‘เห็นว่าคุณเอ่ยไว้ในโทรศัพท์ว่าผิวพรรณมีปัญหา ก็เลยจัดชุดดูแลผิวมาให้นะ’
ยูเอส วีคลี รายงานด้วยในเกร็ดชีวิตว่าไม่มีพนักงานรายใดที่ไปพระตำหนักมอนเตซิโต แล้วจะกลับบ้านมือเปล่า
“เมื่อใดที่พนักงานไปพระตำหนัก ทุกคนจะได้ตะกร้าสิ่งของติดมือกลับบ้านเสมอ อาทิ ดอกไม้สด ผลไม้สด ไข่สด” พนักงานผู้ไม่เปิดเผยนามอีกรายหนึ่งเล่าไว้
“ทรงเป็นนายจ้างที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยมีมา” พนักงานรายปัจจุบันอีกคนหนึ่งยืนยันอย่างนั้น
ทั้งนี้ พนักงานแต่ละรายล้วนแต่ปกปิดตัวตนไว้อย่างแน่นสนิท ทั้งที่ไม่มีเหตุจะต้องผวาหวาดว่าจะถูกตามเช็กบิลภายหลัง
เหล่านี้ชวนให้ท่านผู้อ่านช่วยกันเขียนคอมเมนต์สันนิษฐานว่า ที่ผ่านมาน่าจะเคยพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับนายจ้างไว้ไม่ใช่น้อยๆ พอมาอวยออกสื่ออย่างเลอเลิศ พรรคพวกจะแห่กันมาถล่มว่าวันโน้นเพิ่งจะ... ไว้เผ็ดร้อนอยู่แท้ๆ พลิกลิ้นง่ายเหลือรับ
นอกจากนั้น ยังมีอีกหนึ่งสมมุติฐานจากท่านผู้อ่านดังนี้ หรือว่าข้อมูลทั้งหลายทั้งปวงถูกส่งไปในรูปแบบต้นฉบับพร้อมใช้ ที่ฝ่ายพีอาร์ช่วยกันมโนพิมพ์ขึ้น จึงไม่เหมาะที่จะนำชื่อพนักงานใส่เข้าไป ดังเห็นได้ถึงวลีและประโยคนวนิยายชวนฝัน จำพวกตะกร้าผลไม้สด ไข่ไก่สด ของขวัญแบรนด์หรู
ส่วนสำหรับระดับนักบริหารมีชื่อเสียงซึ่งมาทำงานกับดัชเชสแห่งซัสเซกส์ แต่จบไม่สวย เมื่อมีไมโครโฟนมาจ่อถึงตัว ก็ย่อมจะให้ความเห็นเกี่ยวกับอดีตนายจ้างอย่างสุภาพชน โดยหยิบเฉพาะด้านบวกขึ้นมานำเสนอ มิเช่นนั้น นายจ้างคนอื่นๆ ที่เป็นนายจ้างอยู่ในปัจจุบัน อาจจะเสียขวัญ ถ้าได้ยินการพูดออกสื่อด้วยถ้อยคำเผาเละใส่อดีตนายจ้างระดับอดีตสมชิกพระราชวงศ์อังกฤษ
อาทิ ในรายของ จอช เคตเลอร์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่อาร์ชแวลล์อิงค์ ซึ่งเคยทำงานในระดับสูงด้วยตำแหน่งนี้ในโปรเจ็กต์สำคัญก่อนจะมายังอาร์ชแวลล์อิงค์ คือ ภารกิจที่บริษัท Cognixion ผู้ผลิตเครื่องมือซูเปอร์ไอทีที่ช่วยผู้พิการให้สามารถพูดได้
ทั้งนี้ จอช เคตเลอร์ เข้าไปในเดือนพฤษภาคม 2024 ด้วยข้อตกลงที่จะช่วยส่งเสริมและนำทางแก่เจ้าชายแฮร์รีในการ “สร้างเฟสต่อไปของชีวิต”
โดยในห้วงที่ปรินซ์แฮร์รีเสด็จไปกรุงลอนดอนเพื่อโปรโมทพระภารกิจอินวิคตัสเกมส์ ในโอกาสการฉลองครบรอบหนึ่งทศวรรษ จอช เคตเลอร์ตามไปช่วยจนกระทั่งว่าพิธีฉลอง ณ พระวิหารเซนต์พอล เมื่อ 8 พฤษภาคม มีผู้คนในสายสัมพันธ์เดิมๆ ของปรินซ์แห่กันมาเข้าร่วมเนืองแน่น ภาพลักษณ์ของพระองค์บนแผ่นดินอังกฤษที่ปรากฏในรายงานข่าวของทุกสื่อใหญ่ยักษ์ แลดูเข้มแข็งขึ้นมาอย่างน่าทึ่ง
หลังจากนั้นก็ตามเสด็จไปช่วยพระภารกิจของปรินซ์และพระชายาที่ประเทศไนจีเรียในเดือนพฤษภาคม 2024 โดยใช้กลยุทธ์การเชิญสื่อใหญ่เจ้าเดียวคือ People ให้ตามไปทำข่าวตลอดรายการ พร้อมกับส่งข่าวและภาพอย่างละเอียดไปเผยแพร่บนเครือข่ายของทุกสื่ออย่างยิ่งใหญ่อลังการ
เมื่อมาถึงเดือนสิงหาคม 2024 เจ้าชายแฮร์รีซึ่งทรงมั่นพระทัยในภาพลักษณ์ที่ฟื้นตัวขึ้นมา ทรงเดินเกมถนัดของพระองค์ด้วยกดดันพระราชบิดาให้ส่งคำเชิญพระองค์ไปเยือนอังกฤษครั้งแล้วครั้งเล่า รวมได้สามระลอก แต่แป็กตั้งแต่สองระลอกแรก และแล้วปรินซ์ทรงหันไปกล่าวโทษปัญหาการแป็ก ว่าเป็นเพราะทีมผู้เชี่ยวชาญการพีอาร์อเมริกันไม่เก่งจริง โดยเดลิเมลออนไลน์รายงานว่า พระองค์จะไม่ใช้บริการของทีมพีอาร์นี้ เพราะได้ทำให้ทรงเซ็งมากมาย ผลงานไม่ได้ดั่งพระทัย และทรงหันไปปรึกษาพรรคพวกในอังกฤษที่ยังเหลืออยู่บ้าง ซึ่งเป็นแวดวงที่เคยสนิทกันลึกซึ้งในห้วงที่พระองค์ยังทรงโสดสนิท
ในเวลาไล่เลี่ยกันนั้น จอช เคตเลอร์ ซึ่งทดลองงานได้ครบ 3 เดือนก็โบกมือลาจากในปลายเดือนสิงหาคม พร้อมมีการปล่อยข่าวไปยังนิตยสารพีเพิลว่าเรื่องนี้เป็นการตัดสินใจร่วมกัน เห็นพ้องต้องกันว่า “ทำงานเข้ากันไม่ได้”
ในบรรยากาศประมาณนี้ เมื่อจอช เคตเลอร์ ถูกยูเอส วีคลี ถามถึงดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ สุดยอดมืออาชีพอย่างเคตเลอร์ก็ยืนยันอย่างสุภาพว่า ตนได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากทั้งดยุกและดัชเชส อีกทั้งพรรณนาถึงทั้งสองพระองค์ว่า
“ทรงทุ่มเทกับพระภารกิจ และในด้านการทรงงานต่างๆ ทั้งสองพระองค์ก็ทรงอุตสาหะวิริยะเป็นอย่างยิ่ง
“รู้สึกประทับใจที่ได้เห็นเรื่องราวนี้ด้วยตนเอง” จอช เคตเลอร์ กล่าวอย่างนั้น แต่ก็ไม่ได้ตอบว่าทำไมห้วงเวลาการทำงานจึงสั้นนัก
นอกจากนั้น ยูเอส วีคลี ยังได้สัมภาษณ์ เบน บราวนิง อดีตผู้อำนวยการฝ่ายเนื้อหาสำหรับซีรีส์สารคดีเรื่อง “แฮร์รีแอนด์เมแกน” เพื่อป้อนเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งเป็นเนื้อหาพรรณนาว่าร้ายพระราชวงศ์อังกฤษ ทั้งนี้ เบน บราวนิงทำงานกับอาร์ชแวลล์ โปรดักชันส์ ยังไม่หมดสัญญา ก็ลาออก
ในการนี้ ย่อมเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่จะได้รับคำตอบว่า ประสบการณ์ของเขากับบริษัทแห่งนี้ ตลอดจนประสบการณ์กับดัชเชสเมแกนและปรินซ์แฮร์รี ในภาพรวม “คือดีและช่วยเหลือกันและกัน”
ด้านพีอาร์สุดสวยยอดเก่งแห่งวงการประชาสัมพันธ์อเมริกัน นามว่า แอชลีย์ แฮนเซน ซึ่งเป็นสาวเชื้อสายอิหร่าน บุคลิกสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตัวแบบคนเอเชีย เธอทำงานกับดัชเชสเมแกนมายั่งยืนนานปีในตำแหน่งรองประธานฝ่ายบริหารงานสื่อสารระดับโลก หรือก็คือ หัวหน้าทีมพีอาร์ หน้าที่สำคัญประการหนึ่งคือ คอยดูแลอิมเมจของนายสาว
แต่โดยที่เธอสวยผุดผ่องมีราศีจับตลอด เธอจึงคอยระวังตัวแจว่าจะต้องลีบเล็ก ต้องเดินตามหลังเสมอ ต้องไม่พลาดไปโดดเด่นกว่าคุณนายดัชเชสเป็นอันขาด ในคลิปด้านล่างนี้จะเห็นบรรยากาศเหล่านี้ชัดเจน โดยอีวีพีแอชลีย์ แฮนเซน จะแต่งกายปอนๆ หลบกล้อง เกร็งตนเองสุดความสามารถ
เมื่อต้องตอบคำถามของยูเอส วีคลี แบบไฟต์บังคับ แอชลีย์ แฮนเซน ให้สัมภาษณ์ในแนวซูเปอร์อวยลอยฟ้าว่า ดยุกและดัชเขสปฏิบัติต่อเธอด้วย “การให้ความใส่ใจและดูแลดั่งเป็นผู้ปกครองดูแลเด็กในอาณัติเมื่อคราวที่เธอลาป่วยเพื่อเข้ารับการผ่าตัด”
พร้อมนี้ แอชลีย์ แฮนเซนเล่าว่านายของเธอส่งดอกไม้และของขวัญไปให้กำลังใจด้วย
“ในช่วงนั้นดัชเชสยื่นมือเข้ามายังครอบครัวของดิฉันอย่างเป็นการส่วนตัวทุกวันเลยค่ะ เพื่อให้แน่ใจว่าสถานการณ์ของเราโอเคทุกสิ่ง สามีดิฉันประทับใจมาก และตัวดิฉันเองก็ยิ่งประทับใจมากขึ้นไปอีก คุณจะไม่ตระหนักว่าความกรุณาและความใส่ใจที่ได้รับนั้น มหาศาลเพียงใด จนกระทั่งคุณอยู่ในภาวะที่ต้องการอย่างที่สุด” แอชลีย์ แฮนเซน ยืนยันแนวโลกสวยแบบฉบับสาวพีอาร์จอมเก๋า
ในการนี้ สื่อจอมเก๋ากว่าได้นำเสนอรายงานถึงเรื่องนี้ของแฮนเซนไว้ในข่าวว่า “แฮนเซนประจบสอพลอ ดยุกและดัชเชสอย่างสุดๆ แบบที่ว่ามีเพียงคนที่มีภารกิจที่จะต้องเนรมิตให้นายจ้างทั้งสองดูดีในสายตาของสื่อมวลชน เท่านั้น ที่จะเยินยอออกไปได้ปานนั้น
บรรยายคลิป แอชลีย์ แฮนเซน ในชุดปอนๆ กางกางยีนกับเสื้อสเวตเตอร์ ออกอาการพินอบพิเทาดัชเชสเมแกนอย่างเกร็งๆ ระวังตัวสูง ชนิดที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
ขัอมูลที่พนักงานอาร์ชแวลล์ช่วยกันอวยดยุกและดัชเชสไว้อย่างดีงามมากมาย ช่างขัดแย้งกับแบบหักดิบทีเดียวกับข้อเท็จจริงที่ลูกน้องของดยุกและดัชเชสแห่กันลาออกจากอาร์ชแวลล์เป็นทิวแถว
นอกจากนั้นยังขัดแย้งสุดโต่งกับสกู๊ปข่าวของเดอะฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์ ที่ได้ข้อมูลดุเดือด อาทิ ดัชเชสเมแกนเป็น “จอมเผด็จการบนส้นสูง” ซึ่งบรรณาธิการใหญ่ นามว่า แมร์ โรเชิน แห่งเดอะฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์ ประกาศยืนยันในความถูกต้องของนักข่าวในสังกัด พร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผู้ที่เล่าเรื่องนี้ เป็นระดับบริหารสูงมากๆ ของอาร์ชแวลล์ซึ่งปัจจุบันยังมิได้ลาออก
บรรณาธิการใหญ่รายนี้บอกกับ แอคเซส ฮอลลีวูด ด้วยว่านอกจากที่นักข่าวของเดอะรีพอร์ตเตอร์ได้สัมภาษณ์แหล่งข่าวจากอาร์ชแวลล์มากกว่า 10 รายซึ่งทำงานใกล้ชิดกับปรินซ์แฮร์รี และดัชเชสเมแกน และ“ยังได้สัมภาษณ์แหล่งข่าวระดับสูงมากรายหนึ่ง ซึ่งยังทำงานกับปรินซ์และดัชเชส โดยแหล่งข่าวรายนี้กล่าวว่า ‘ทุกคนล้วนแต่หวั่นกลัวดัชเชส’ ”
พร้อมนี้ แหล่งข่าวของเดอะฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์ รายงานว่าดัชเชสโหดแห่งอาร์ชแวลล์เป็นที่หวาดผวาของพนักงานในแง่ที่สามารถดูหมิ่นถากถางให้คนอื่นรู้สึกต่ำต้อยไร้คุณค่า แถมยังไม่ยอมฟังความคิดเห็น-คำแนะนำของผู้อื่น
การที่จู่ๆ ก็มีการนำเอาคำสรรเสริญมากมายมาโต้กลับไปยังเดอะฮอลลีวูดรีพอร์ตเตอร์แบบนี้ แทบจะไม่สามารถพลิกมุมมองของสาธารณชนที่ได้ติดตามข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมของดยุกและดัชเชสมาอย่างเนิ่นนานได้เลย เดลิเมลออนไลน์รายงานอย่างนั้น
บ.ก.ใหญ่ แมร์ โรเชิน กล่าวว่าฉายา Duchess Difficult ที่ดัชเชสเมแกนได้รับนั้น ติดตัวดัชเชส นานเป็นหลายปีแล้ว ในเวลาเดียวกัน เธอก็ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างหัวชนฝามาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตั้งแต่ที่ปรากฏกันในสังคมอังกฤษ โดยเธอชี้ว่าฉายานี้เป็นส่วนหนึ่งของ “แคมเปญซึ่งวางแผนมาทำลายชื่อเสียงของเธอ”
แต่ส่วนที่เป็นเสียงร้องทุกข์จากบรรดาพนักงานในสังกัดอาร์ชแวลล์อิงค์ ยังมีในเรื่องที่ว่าทั้งดัชเชสเมแกนและทั้งปรินซ์แฮร์รี เป็นผู้กำหนดนโยบายที่ไม่เอาไหน เปลี่ยนใจไปมาได้เรื่อยๆ โดยปรินซ์แฮร์รีได้รับคำชมว่าน่ารักมาก แต่ก็ตามใจพระชายาจนกระทั่งเธอร้ายกาจเหลือจะรับกันหวาดไหว
ในเวลาเดียวกัน เดอะฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์ยังรายงานถ้อยคำของแหล่งข่าวด้วยว่า พระชายาของปรินซ์แฮร์รีทรงดุเดือดในด้านความกระด้างไม่ไว้หน้าคนไม่ถนอมน้ำใจใครทั้งนั้น
ยิ่งกว่านั้น อดีตพนักงานที่ลาออกจากอาร์ชแวลล์มาแล้ว เรียกพวกตนว่า “สโมสรผู้เอาชีวิตรอดพ้นจากดัชเชสซัสเซกซ์” และจดจำดัชเชสเมแกนในภาพของ “จอมเหวี่ยงเสียงโหด” และ “เจ้าแม่ผู้ส่งอีเมล์เกรี้ยวกราดมาวีนตั้งแต่ตี 5” ตลอดจนการเป็นผู้ที่ทำให้พนักงานหลายรายร้องไห้หนักมาก บางรายป่วยเรื้อรังอยู่ในความรู้สึกปวดร้าวฝังใจ
ด้านพนักงานอาร์ชแวลล์สายจงรักภักดีช่วยโต้แย้งว่า อีเมลจากดัชเชสเมแกนจะมีข้อความกำกับที่ลายเซ็นอัตโนมัติของเธอว่า สตาฟไม่ควรกังวลว่าจะต้องรีบตอบกลับไปหากอยู่นอกเวลาทำงาน ซึ่งแสดงว่าดัชเชสมิใช่คนเรียกร้องสูง
อดีตข้าราชบริพารของปรินซ์แฮร์รีเล่าจากความทรงจำว่าพระชายาเมแกนเป็น “ปีศาจ” เมื่อ “โมเมนต์โรคจิต” เหวี่ยงขึ้นมาเพราะเธอถูกขัดใจ แต่ในยามที่ได้ดั่งปรารถนาไปหมดนั้น เธอจะอ่อนหวานน่ารัก
ในท่ามกลางการโต้ตอบกันไปมาต่างๆ นานา เดอะเดลีบีสต์ มีคำอธิบายถึงมิติดี-ร้ายของดัชเชสเมแกนไว้อย่างละเอียด ดังนี้
ดัชเชสเมแกนเป็น “ปีศาจ” เมื่อมี “โมเมนต์โรคจิต” เหวี่ยงขึ้นมาแรงๆ เวลาที่ไม่ได้ดั่งใจ อดีตข้าราชบริพากของปรินซ์แฮร์รีที่เคยทำงานกับดัชเชส ให้สัมภาษณ์แก่เดอะเดลีบีสต์อย่างนั้น หลังจากมีข่าวอื้อฉาวว่าอดีตพนักงานของดัชเชสเมแกนตั้งฉายาให้เธอว่า ดัชเชสโหด แล้วลูกน้องสายจงรักภักดีพากันโต้กลับเดอะฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์ ด้วยการประกาศว่าดัชเชสเป็นเจ้านายดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมอบดอกไม้ตัดใหม่ๆ และไข่ไก่สดๆ แก่พนักงาน พร้อมกับทำให้พนักงานรู้สึกว่าเป็นเมล็ดพืชที่ได้รับน้ำเลี้ยงให้เติบโตผลิบาน
ในการนี้ อดีตข้าราชบริพารของปรินซ์แฮร์รีมาเล่าสู่เดลีบีสต์ว่า พระชายาเมแกนมิใช่พระราชวงศ์สายโหดรายแรก
“มีพระราชวงศ์โหดๆ เยอะแยะมาตลอด อาทิ เจ้าหญิงมาร์กาเร็ต พระราชกนิษฐาแห่งสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 โดยเจ้าหญิงมาร์กาเร็ตมักที่จะให้ข้าราชบริพารแบมือ ยื่นออกมา เพื่อให้พระองค์ใช้เป็นที่เขี่ยบุหรี่!!
“สมาชิกแห่งพระราชวงศ์สายโหดมีหลากหลาย ตั้งแต่ระดับเลวร้าย เลวร้ายมาก ไปจนถึงระดับจอมเหวี่ยงโรคจิตคุ้มดีคุ้มร้าย ฉันได้เห็นคนที่ถูกรังแกโหดสุดๆ ทั้งแบบตัวต่อตัว และแบบโหดไปตามสายโทรศัพท์ ซึ่งทำให้เหยื่อรู้สึกต้อยต่ำดั่งอึหนึ่งกอง”
แหล่งข่าวรายนี้ของเดอะเดลีบีสต์เล่าถึงกรณีที่เลขานุการประสานงานสื่อมวลชนของดัชเชสเมแกน ร้องทุกข์ว่าดัชเชสรังแกข้าราชบริพารสองรายอย่างร้ายแรงกระทั่งว่าทั้งสองตัดสินใจลาออก โดยรายหนึ่งถูกดัชเชสเล่นงานอย่างชนิดที่ไม่สามารถยอมรับได้ และอีกรายหนึ่งถูกดัชเชสบ่อนทำลายความรู้สึกจนย่อยยับ เรื่องนี้มีการจัดทำรายงานฉบับแล้วฉบับเล่าจากบรรดาผู้ที่เป็นพยานรู้เห็นพฤติกรรมของดัชเชสอย่างละเอียด
พร้อมนี้ เดอะเดลีบีสต์ยังมีแหล่งข่าวอีกรายหนึ่งซึ่งเคยทำงานถวายปรินซ์แฮร์รี ในช่วงเตรียมการพระราชพิธีเสกสมรสของปรินซ์กับเมแกน มาร์เคิล แม่ม่ายหย่าร้างจากสหรัฐอเมริกา
"ในตอนนั้น ฉันคิดเสมอว่าเมแกน มาร์เคิล เป็นคนหลงตัวเอง พอมาเจอเหตุการณ์ในตอนนี้ที่เธอจัดให้พนักงานอาร์ชแวลล์ไปเล่าแก่นักข่าวของยูเอส วีคลี ว่าตัวเธอนั้นแสนดีน่าทึ่งเพียงไร ฉันก็ยิ่งมั่นใจว่าเธอหลงตัวเองจริงๆ
“ดัชเชสเมแกนจะน่ารักอ่อนหวานเมื่อเธอได้ทุกสิ่งดั่งใจปรารถนา แต่เธอจะกลายเป็นปีศาจ เมื่อโมเมนต์โรคจิตเหวี่ยงขึ้นมาในยามที่ถูกขัดใจ”
แหล่งข่าวอีกรายหนึ่งเล่าให้เดอะเดลีบีสต์ได้ทราบถึงเรื่องราวปีศาจอาละวาดเมื่อโมเมนต์โรคจิตเหวี่ยงขึ้นมาว่า นักจัดดอกไม้งานพระราชพิธีเสกสมรสได้เขียนเล่าถึงรายละเอียดเล็กน้อยเกี่ยวกับช่อดอกไม้เจ้าสาว ที่ทีมงานกำลังดำเนินการให้แก่เมแกน มาร์เคิล โดยที่ไม่ได้ระบุชื่อของเมแกนเลย
ผลก็คือ เมแกนโทรศัพท์ไปว๊ากโวยวายนานครึ่งชั่วโมง
“นักจัดดอกไม้ประกาศลั่นเลยว่า จะไม่จัดดอกไม้ให้ผู้หญิงคนนี้อีกแม้แต่ครั้งเดียว เพราะเมื่อใครก็ตามไปทำงานให้เธอ คนๆ นั้นมักที่จะถูกเล่นงานเหมือนขี้ข้า ซึ่งจะถูกรังแกราวกับเป็นอึหนึ่งกอง”
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่น่าประหลาดใจที่ดัชเชสโหดจะมีเรื่องราวดีๆ ให้บางคนได้นำไปบอกต่อได้บ้าง แต่การที่ดัชเชสขาด “สมานัตตตา – ความเสมอต้นเสมอปลายในการสร้างความประทับใจ” ความดีที่มีอยู่น้อยกว่าความร้ายกาจช่างรังแก จึงถูกมองข้าม เสมือนกับการมีน้ำเย็นหนึ่งแก้ว ที่ถูกทับถมด้วยเกลือจนกระทั่งน้ำเย็นแก้วนั้นหายไปในกองเกลือนั่นเอง
คอลัมน์ PLANET No.3
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: ยูเอส วีคลี เดอะฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์ เดลิเมลออนไลน์ เดอะเดลีบีสต์)