เมแกน มาร์เคิล ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ได้ฉายา “ดัชเชสโหด” จากเหล่าพนักงานในอาร์ชแวลล์อิงค์ของปรินซ์แฮร์รี โดยบรรดาลูกน้องซึ่งบอกว่าพวกตนถูกโขกสับจนกลัวลาน แห่กันไปฟ้องให้ เดอะฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์ ขาใหญ่สื่อบันเทิง ทราบว่า ดัชเชสโหดของอาร์ชแวลล์ ร้ายกาจขนาดที่ว่า เธอคุกคามจนผู้คนในองค์กรหวั่นกลัวคร้ามปาก และเธอก็สุดๆ นักหนาในเรื่องดูหมิ่นให้คนอื่นรู้สึกต่ำต้อยไร้คุณค่า แถมยังไม่ยอมฟังความคิดเห็น-คำแนะนำ
ไม่ใช่เพียงเท่านั้น บรรดาพนักงานในสังกัดอาร์ชแวลล์อิงค์ ยังเล่าอย่างพรั่งพรูว่าทั้งดัชเชสเมแกนและทั้งปรินซ์แฮร์รี เป็นผู้กำหนดนโยบายที่ไม่เอาไหน เปลี่ยนใจไปมาเรื่อยเลย โดยปรินซ์แฮร์รีได้รับคำชมว่าน่ารักมาก แต่ก็ตามใจพระชายาจนกระทั่งเธอร้ายกาจเหลือจะรับกันหวาดไหว
ในเวลาเดียวกัน เดอะฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์รายงานถ้อยคำของแหล่งข่าวด้วยว่า พระชายาของปรินซ์แฮร์รีทรงดุเดือดในด้านความกระด้างไม่ไว้หน้าคนไม่ถนอมน้ำใจใครทั้งนั้น
เหนืออื่นใดคือ “ดัชเชสเมแกนจะเดินตรวจตราไปทั่วเหมือนจอมเผด็จการรองเท้าส้นสูง หงุดหงิดโวยวายควันพุ่งออกหู และสั่งการด้วยเสียงเห่าตะคอก” เดลิเมลออนไลน์ซึ่งนำสกู๊ปของเดอะฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์ มารายงาน ได้ถ่ายทอดถ้อยคำของแหล่งข่าวที่ใช้คำว่า barking orders เอาไว้อย่างครบถ้วน
พร้อมนี้ แหล่งข่าวรายเดียวกันนี้ที่เล่าจากความทรงจำ ได้ให้ข้อมูลเสริมอีกหนึ่งประเด็นว่า
“เราเคยเฝ้าดูดัชเชสพูดติเตียนข่มเหงผู้ชายอายุเยอะๆ จนหงอยจ๋อยน้ำตาร่วง”
การยกขบวนไปคุยกับเดอะฮอลลีวูด รีพอร์ตเทอร์ และเล่าโน่นนี่หลายหลากข้อกล่าวหา กลายเป็นกรณีศึกษาถึงปัญหาที่พนักงานของดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ พากันอพยพหลีกลี้ราชภัยออกมาเป็นแพ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในรายของจอช เคตเลอร์ ซึ่งเป็นประธานคณะเจ้าหน้าที่ ทดลองงานได้เพียง 3 เดือนก็โบกมือลาเมื่อสิงหาคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ นิตยสารพีเพิลรายงานว่าเรื่องนี้เป็นการตัดสินใจร่วมกัน เห็นพ้องต้องกันกับฝ่ายเดอะซัสเซกซ์ว่า “ทำงานเข้ากันไม่ได้”
จอช เคตเลอร์กลายเป็นสมาชิกรายล่าสุดของ “สโมสรผู้เอาชีวิตรอดพ้นจากดัชเชสซัสเซกซ์” บรรดาแหล่งข่าวของเดอะฮอลลีวูด รีพอร์ตเทอร์ เรียกอดีตเหยื่ออารมณ์ของพระชายาเมแกนด้วยฉายาประชดชีวิตขำๆ
ทั้งนี้ พวกผู้เอาชีวิตรอดพ้นจากดัชเชสซัสเซกซ์จะจดจำ เมแกน มาร์เคิล ในภาพของ “จอมเหวี่ยงเสียงโหด” และ “เจ้าแม่ผู้ส่งอีเมล์เกรี้ยวกราดมาวีนตั้งแต่ตี 5” ซึ่งทำให้พนักงานหลายรายร้องไห้หนักมาก อีกทั้งยังป่วยอยู่ในความรู้สึกปวดร้าวฝังใจ
วีรเวรกรรมร้ายกาจทั้งปวงจึงทำให้พระชายาเมแกนของปรินซ์แฮร์รี ได้รับฉายาจากบรรดาลูกน้องในองค์กรว่า “ดัชเชสโหด” เดอะฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์รายงานอย่างนั้น
เสียงสะท้อนจากพนักงานของอาร์แวลล์อิงค์ ตอกย้ำความเชื่อของผู้คน ว่าดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ต้องเคยรังแกข้าราชบริพารในพระราชสำนักอังกฤษมาอย่างรุนแรงจริง โดยมีการสอบสวนเรื่องนี้ที่ข้าราชบริพารสตรีสองรายลาออก หลังจากที่ถูกวาจาประหัตประหารจิตใจให้รู้สึกต่ำต้อยด้อยคุณค่า
หลายๆ ไตรมาสก่อนหน้านี้ สื่อใหญ่ค่ายยักษ์ต่างๆ เสนอสกู๊ปไว้เป็นระยะๆ ในเรื่องที่ดัชเชสเมแกนและปรินซ์แฮร์รีมักจะมีปัญหากับพนักงาน และพนักงานลาออกกันบ่อย
ในแง่ของมาตรฐานการบริหารงาน ถือว่าปัญหานี้สะท้อนถึงความไม่เป็นมืออาชีพของฝ่ายเจ้าขององค์กร โดยในกรณีของพระชายาเมแกน ปัญหาเกิดบ่อยกระทั่งกลายเป็นภาพลักษณ์ติดลบ ในเมื่อมีเหตุการณ์พนักงานของอาร์ชแวลล์ตีจากไปไม่น้อยกว่า 9 รายแล้ว
มรดกตกเบิกในวันเกิด 40 กะรัตของปรินซ์แฮร์รี มูลค่า 350 ล้านบาท เป็นเงินที่ทรงปรารถนาอย่างสุดๆ เพราะทั้งพระองค์และพระชายาต่างโปรดปรานการจับจ่ายใช้เงิน เดอะซันฟันธงอย่างนั้น
ขณะที่พระชายาเมแกนได้รับฉายา “ดัชเชสโหด” จากพนักงานอาร์ชแวลล์อิงค์ ปรินซ์แฮร์รีทรงได้รับมรดกเป็นเงินจำนวน 8 ล้านปอนด์ หรือราว 350 ล้านบาท (10.5 ล้านดอลลาร์) ซึ่งเป็นดั่งของขวัญเบิร์ธเดย์พระชนมายุ 40 กะรัต ในวันที่ 15 กันยายน 2024 จากเสด็จพระเจ้าย่าทวด ควีนเอลิซาเบธ ผู้ทรงเป็นพระราชมารดาของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร
ทั้งนี้ เสด็จพระเจ้าย่าทวดทรงสวรรคตในปี 2002 และพระพินัยกรรมระบุถึงพระมรดกที่ทรงพระราชทานแก่ปรินซ์แฮร์รี 1 ใน 12 พระราชปนัดดา ว่าให้ส่งมอบก้อนแรกเมื่อปรินซ์ทรงมีพระชนมายุครบ 21 พรรษา แล้วส่งมอบก้อนท้ายตอนพระชนมายุครบ 40 พรรษา ในวันที่ 15 กันยายน ปี 2024
ในการนี้ เดอะซันนำเสนอข่าวด้วยประเด็นที่ผู้เชี่ยวชาญให้สัมภาษณ์ว่า ปรินซ์แฮร์รีและพระชายาเมแกน “ทรงปรารถนาจะได้รับเงินของขวัญพระเบิร์ธเดย์ 8 ล้านปอนด์นี้อย่างที่สุด – ทั้งสองพระองค์ต่างโปรดปรานการจับจ่ายใช้เงิน”
จอมกูรูผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์อย่าง ฮิวโก วิกเคอร์ส ออกโรงวิเคราะห์วี่แววแนวโน้มแห่งเงินมรดกก้อนยักษ์ของปรินซ์แฮร์รีว่า มาถึงพระหัตถ์ปรินซ์ในจังหวะเวลาที่ดีงามกว่าวันเวลาอื่นใดทั้งปวง เพราะจะต่ออายุให้แก่พระไลฟ์สไตล์หรูหราราคาแพงระยับของปรินซ์และพระชายาได้ทันการณ์สุดๆ เดอะซันรายงานอย่างนั้น
โดยผู้เชี่ยวชาญฮิวโก วิกเคอร์ส ขยายความว่าในเมื่อดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ไปซื้อบ้านพร้อมที่ดินอันอลังการสุดๆ มูลค่า 14.5 ล้านดอลลาร์ บนผืนดินโลเกชันเลอเลิศ กว้างขวางใหญ่โต พรักพร้อมด้วยห้องนอน 7 ห้อง ห้องน้ำ 15 ห้อง ทั้งสองก็ย่อมไม่เคอะเขินที่จะมีสารพัดสิ่งที่จะอวดโอ่ถึงความมั่งคั่ง
กระนั้นก็ตาม ในขณะที่เงินมรดกก้อนยักษ์นี้จะช่วยเสริมส่งภาพลักษณ์ซูเปอร์ริชได้เป็นอย่างดี แต่มันก็จะมลายหายวับไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน ฮิวโก วิกเคอร์ บอกกับเดอะซันอย่างนั้น
“ไม่ต้องสงสัยเลยครับ เงินนี้จะเข้าไปช่วยสนับสนุนพระไลฟ์สไตล์แพงจัดของสองพระองค์ได้อย่างมากมาย ผมก็หวังว่าปรินซ์จะทรงจับจ่ายในเรื่องที่คุ้มค่าและเป็นประโยชน์ แต่เงิน 8 ล้านปอนด์สามารถละลายหายวับโดยไวเมื่ออยู่ในถิ่นหรูหราอย่างเมืองมอนเตซิโต ในเมื่อพระองค์ต้องจ้างทีมงานใหญ่โต และมีบ้านหลังมหึมาให้ต้องดูแลรักษา อีกทั้งยังมีเรื่องของรถยนต์อีกด้วย
“แล้วปรินซ์ยังต้องจ่ายค่าจ้างทีมรักษาความปลอดภัยด้วย ซึ่งเราทราบกันดีว่าพระองค์ทรงซีเรียสอย่างยิ่งยวดกับเรื่อง รปภ.”
กูรูวิกเคอร์ กล่าวไว้ตรงกับบรรดาข่าวคราวเกี่ยวกับปรินซ์แฮร์รีที่ปรากฏตามสื่อใหญ่น้อยทั้งปวง ซึ่งบอกไว้ว่าเนื่องจากปรินซ์แฮร์รีทรงลาออกจากพระภารกิจพระราชวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ที่รับดำเนินงานของสำนักพระราชวังแล้ว พระองค์จึงทรงไม่ได้รับสิทธิ์ตำรวจอารักขาและรถคุ้มกันนำขบวนเสด็จ ที่รัฐบาลจัดสรรให้แก่สมาชิกพระราชวงศ์ที่ทรงงานถวายองค์ประมุขของประเทศ
ด้านเว็บไซต์ข่าวค่ายแทตเลอร์ดอทคอมมีข้อมูลในมุมมองนี้ที่ละเอียดมากขึ้นว่า พระตำหนักมอนเตซิโตซึ่งมีห้องนอน 9 ห้อง สระว่ายน้ำ สนามเทนนิส ห้องใต้ดินเก็บรักษาไวน์ ห้องยิม และห้องสมุด มีค่าใช้จ่ายการบริหารจัดการ ดูแลบำรุงรักษา ตลอดจนค่าจ้างทีมทะนุบำรุงสวนรอบพื้นที่ อีกทั้งค่าบริการการรักษาความปลอดภัย รวมกันเป็นเงินมหาศาลระดับหลายแสนดอลลาร์ต่อปี
ช่องทางที่เงินไหลออกยังมีมากกว่านั้น เคที นิโคลล์ บรรณาธิการข่าวพระราชสำนักแห่งสื่อใหญ่ค่ายแวนิตีแฟร์พูดถึงค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตหรูหราของปรินซ์แฮร์รีกับพระชายาว่า
“ดิฉันได้คุยกับบางท่านในมอนเตซิโต เขาบอกว่าคุณไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ในมอนเตซิโตในแบบของดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ได้ ถ้าไม่มีเงินจับจ่ายปีละประมาณ 20 ล้านดอลลาร์” แทตเลอร์ดอทคอมรายงานไว้อย่างนั้น
ฮิวโก วิกเคอร์ ยังชี้ไปถึงค่าใช้จ่ายสำหรับบรรดาโปรเจ็กต์โน่นนี่มากมายของปรินซ์แฮร์รีกับดัชเชสเมแกนด้วยว่ายังไงก็ต้องจ่ายเพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมโปรเจ็กต์ เช่น โปรเจ็กต์ใหม่ป้ายแดงชื่อ เครือข่ายคุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครอง ที่มีวัตถุประสงค์จะช่วยสนับสนุนครอบครัวที่สูญเสียบุตรหลานซึ่งตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงทำร้ายร่างกายผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย
ทั้งหลายทั้งปวงนี้เป็นไปเพื่อสร้างคะแนนนิยม
“ปรินซ์และพระชายาต้องสร้างภาพลักษณ์ใหม่ๆ ให้ผู้คนหันกลับมานิยมชมชอบ โดยครีเอทมุกขึ้นมาในประเด็นนั้นบ้างประเด็นนี้บ้าง เพื่อปลุกกระแสป๊อปปูลาร์ให้ฟื้นขึ้น เพราะปัจจัยเรื่องนี้เป็นช่องทางให้พระองค์สามารถสร้างรายได้” ผู้เชี่ยวชาญวิกเคอร์กล่าวไว้กับเดอะซัน
โดยฮิวโก วิกเคอร์โยงไปถึงกรณีตัวอย่างการสร้างซีรีส์สารคดีเรื่อง POLO ป้อนให้เน็ตฟลิกซ์ไปเสนอขายในครัวเรือนต่างๆ ผ่านระบบสตรีมมิง ซึ่งหวังกันว่าหากกระแสความรู้สึกของท่านผู้ชมเห็นความดีงามของปรินซ์แฮร์รี และกลับมานึกเอ็นดู อยากเอาใจช่วยปรินซ์ผู้ประกาศเสมอว่าต้องการสร้างสรรค์โลก ซีรีส์เรื่อง POLO ก็น่าจะสามารถทำรายได้ขึ้นมาได้แบบเดียวกับซีรีส์สารคดี Heart of Invictus ที่มีเนื้อหากระทบดวงใจของผู้คน
ทั้งนี้ แม้ยอดการสตรีม Heart of Invictus เข้าไปรับชมนั้น ไม่ติดอันดับสุดยอดป๊อปปูลาร์ ท็อป 100 ของเน็ตฟลิกซ์ แต่ด้วยเรตติ้ง 120-130 ยอดรายได้รวมก็ออกมาพอใช้ได้
อนึ่ง เงินมรดกที่ควีนเอลิซาเบธ พระราชมารดาของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงสร้างระบบการจัดสรรสู่พระราชปนัดดาทั้ง 12 อันได้แก่ ปรินซ์วิลเลียม; ปรินซ์แฮร์รี; คุณปีเตอร์ ฟิลลิปส์; คุณซารา ทินดัลล์; เจ้าหญิงเบียทริซ; เจ้าหญิงยูเชนี; เลดีลูอีส; เอิร์ลเจมส์แห่งเวสเซกซ์; วิสเคาท์ลินลีย์; เลดีมาร์การิตา; คุณซามูเอล แชตโต; และคุณอาร์เธอร์ แชตโต นั้น เป็นการดำเนินการในรูปแบบกองทุนทรัสต์ฟันด์ เดอะไทมส์รายงาน โดยอธิบายว่า
“เป็นวิธีที่จะกันเงินออกมาต่างหาก และตั้งรอไว้เพื่อให้พระราชปนัดดาแต่ละท่านได้รับเมื่อถึงวัย 21 กะรัต กับวัย 40 กะรัต พร้อมนี้ นี่เป็นวิธีการซอยวงเงินมรดกที่จะพระราชทานออกไป ให้มีจำนวนน้อยกว่าเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษี
“ที่สำคัญคือนี่เป็นวิธีที่พระราชทรัพย์ของพระองค์จะได้ช่วยโอบล้อมคุ้มครองพระราชปนัดดาได้อย่างดีที่สุด”
คอลัมน์ PLANET No.3
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เดอะฮอลลีวูด รีพอร์ตเตอร์ เดอะซัน เดลิเมลออนไลน์ เดอะไทมส์)