“It is so easy to be an enemy of the United States, but so difficult to be a friend.”
Nguyen Van Thieu
เหตุที่ต้องนำเอาคำพูดของอดีตผู้นำเวียดนามใต้ ประธานาธิบดี “เหงียน วัน เถี่ยว” มาเกริ่นนำเอาไว้ในช่วงปิดท้ายสัปดาห์นี้ก็คงไม่ได้มีอะไรมากมายหรอกทั่น แต่เพราะช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาได้สรุปไว้ว่า “อเมริกา...แพ้แล้ว!!!” โดยอีตอนที่แพ้แล้ว หรือใกล้แพ้ นี่แหละ...ไม่ว่าใครก็ตามที่ยังดันคิดเป็นมิตร เป็นเพื่อนซี้-เพื่อนตาย กับคุณพ่ออเมริกา เผลอๆ...ย่อมมีสิทธิ์ “ตายหยังเขียด” เอาง่ายๆ!!! เหมือนดังคำพูดที่ผู้นำเวียดนามใต้ท่านได้เอ่ยเป็นวาทะเอาไว้นั่นแหละว่า... “เป็นเรื่องง่ายๆ ที่จะเป็นศัตรูกับอเมริกา แต่เป็นเรื่องที่ยากลำบากเอามากๆ ถ้าหากคิดจะเป็นเพื่อนกับอเมริกา” อะไรประมาณนั้น...
และโดยคำพูด คำจา ในลักษณะที่ว่า...ก็คงไม่ใช่แค่ข้อกล่าวหาแบบลอยๆ หรือแบบไม่มีที่มา-ที่ไป เพราะอย่างที่สำนักข่าว “ซินหัว” สื่อทางการจีนเขาอุตส่าห์ลงทุน “จัดให้” เมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา (24 เม.ย.) นี่เอง ในข้อเขียน บทความ ว่าด้วยเรื่อง “A brief history of America’s betrayal of allies and partner” หรือ “ประวัติศาสตร์โดยย่อแห่งการทรยศหักหลังพันธมิตรและหุ้นส่วนของอเมริกา” แบบชนิดจัดหนัก จัดเต็ม เอาเลยก็ว่าได้ คือถึงขั้นไปลากเอาประวัติศาสตร์ตั้งแต่ยุคประเทศอเมริกายังคงเป็นวุ้น ย้อนหลังไปถึงปี ค.ศ. 1776 โน่นเลย หรือครั้งที่พวกปฏิวัติอเมริกาจากความเป็นอาณานิคมอังกฤษ ได้รับการส่งเสริม สนับสนุนจากฝรั่งเศสคู่กัดของอังกฤษในระยะนั้น ไม่ว่าด้านเงินๆ-ทองๆ หรืออาวุธยุทโธปกรณ์ จนเศรษฐกิจฝรั่งเศสกรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชรนับตั้งแต่บัดนั้น แต่ครั้นเมื่อเกิดการลุกฮือของชาวฝรั่งเศสที่ไม่มีขนมปังจะกิน จนเกิดการปฏิวัติพลิกฟ้า-คว่ำดินขึ้นมาจนได้ บรรดาผู้นำอเมริกาในแต่ละรายกลับไม่ได้คิดดูดำ-ดูดีผู้ที่เคยเป็นพันธมิตรรายนี้เอาเลยแม้แต่น้อยเล่นเอา...พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ผู้เคยถือหางอเมริกันชนแบบชนิดถึงไหน-ถึงกัน ถูกพวกปฏิวัติจับไปตัดหัว-คั่วแห้งกันเห็นๆ...
หลังจากนั้น...ก็ลากไปถึง “สงครามอเมริกา-สเปน” ปี ค.ศ. 1898 ที่บรรดาชาวฟิลิปิโนทั้งหลาย หันไปร่วมกับอเมริกาสู้กับจักรวรรดินิยมสเปนเพื่อหวังปลดปล่อยตัวเองจากความเป็นอาณานิคม แต่หลังจากอเมริกา-สเปนตัดสินใจ “แบ่งเค้ก” กันเป็นที่เรียบร้อย บรรดาชาวนินอย ชาวตากาล็อกนั่นแหละ กลับถูกจักรวรรดินิยมอเมริกาปราบปรามเพื่อให้คงความเป็นอาณานิคมต่อไป ถึงขั้นเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ไปไม่ต่ำกว่า 200,000 รายเอาเลยถึงขั้นนั้น จากนั้น...ก็ไล่มาถึงพันธมิตรอย่างอังกฤษ ฝรั่งเศส อิสราเอล ที่ต่างก็เคยเจอลูกเบี้ยว เจอการทรยศ-หักหลังของคุณพ่ออเมริกามาด้วยกันทั้งนั้น ลามมาถึงเวียดนามใต้ที่ถูกอเมริกา “ถีบทิ้ง” ไม่ต่างไปจากที่ถีบอิรัก ถีบอัฟกานิสถาน ชนิดเล่นเอาอดีตประธานาธิบดี “Mohammad Ashraf Ghani” แห่งอัฟกานิสถานที่เพิ่งได้รับการเรียกขานจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ คุณปู่ “โจ ไบเดน” ว่า “เพื่อนเก่า” ขณะเดินทางไปจับมือ ถือแขน ผู้นำอเมริกากันถึงที่ งงเป็นไก่ตาแตกเอาเลยถึงขั้นนั้น!!!
นอกเหนือไปจากนั้น...ยังมีรายละเอียดอีกเยอะแยะ ไม่ว่าจะพันธมิตรอย่างฝรั่งเศส แคนาดา เยอรมนี นอร์เวย์ สวีเดน ฯลฯ ต่างล้วนต้องเจอกับการเบี้ยว การหักหลัง หรือการแอบล้วงข้อมูล แอบดักฟัง โดยคุณพ่ออเมริกามาด้วยกันทั้งสิ้น ยิ่งมิตรประเภทที่ยังไม่ได้ตั้งตัวขึ้นเป็นประเทศ อย่างพวกชนกลุ่มน้อยชาว “เคิร์ด” ที่กระจัดกระจายอยู่ในแถบภาคเหนือของซีเรีย ในอิรัก อิหร่าน และตุรกี ยิ่งน่าเจ็บปวด รวดร้าว ยิ่งขึ้นไปใหญ่เพราะไม่ว่ายอมสู้ ยอมตาย ให้กับอเมริกาครั้งแล้ว ครั้งเล่า แต่อย่างที่นักเขียนชาวอเมริกันด้วยกันเองพยายามรวบรวมสถิติไว้ในข้อเขียน บทความ ตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 2019 นั่นแหละว่า “The US. Is Now betraying the Kurds for Eight Time” หักหลังจนหลังหักไม่ต่ำกว่า 8 ครั้ง 8 หนเป็นอย่างน้อย เอาเป็นว่า...ใครที่สนใจรายละเอียดประเภทนี้คงต้องลองไปคลิ๊ก ไปหาอ่าน ข้อเขียน บทความ ในแต่ละเรื่องเอาเองก็แล้วกัน...
ส่วนล่าสุด...ก็น่าจะเป็นพันธมิตร อย่าง “นายฮวน กุยโด” (Juan Guaido) อดีต “ประธานาธิบดีชั่วคราว” แห่งเวเนซุเอลาที่อาจารย์ “สมเกียรติ โอสถสภา” ขณะยังมีชีวิตอยู่ท่านเรียกไว้ในเฟซบุ๊กว่า “ฮวน ฆวยโต” อะไรประมาณนั้น ผู้ที่ บก. “Huaxia” แห่งสำนักข่าวซินหัวเขาอดไม่ได้ที่ต้องหยิบยกมาพูดถึง เมื่อช่วงวันที่ 9 เมษาฯ ที่ผ่านมานี่เอง คือจากที่เคยเป็น “เด็กสร้าง” ของอเมริกาตั้งแต่ตีนยังเท่าฝาหอย หรือโดยการสนับสนุน ส่งเสริม ของหน่วยงานอเมริกันอย่าง “The National Endowment for Democracy-NED” จนได้จังหวะ โอกาส เมื่อประธานาธิบดี “นิโคลัส มาดูโร” ถูกอเมริกาและพันธมิตรกล่าวหาว่าโกงเลือกตั้ง ละเมิดสิทธิมนุษยชน ประกาศไม่รับรองรัฐบาล “มาดูโร” แล้วหันไปชักชวนพันธมิตรตะวันตกและประเทศต่างๆ กว่า 50 ประเทศ ให้หันไปรับรอง “ฮวน ฆวยโต” ให้ดำรงตำแหน่ง “ประธานาธิบดีชั่วคราว” หรือ “ประธานาธิบดีที่ชอบธรรม” (Legitimate President) ตามสำบัด-สำนวนของประเทศอียู-อีย้วยทั้งหลาย...
แต่ครั้นเมื่อ “ฮวน ฆวยโต” ไม่อาจสนองตอบความต้องการของอเมริกาได้อย่างเต็มเม็ด เต็มหน่วย ไม่ว่าด้วยการรัฐประหารหรือการ “ปฏิวัติสี” ในประเทศเวเนซุเอลาได้อย่างเป็นจริง-เป็นจัง และเผอิญอเมริกาดันต้องหันไปเล่นงานหมีขาวรัสเซียในกรณี “บุกยูเครน” กันแทนที่ ด้วยเหตุเพราะวิกฤตพลังงานทั้งในอเมริกาและยุโรปอันเนื่องมาจากการ “แซงชั่นรัสเซีย” ส่งผลให้คุณพ่ออเมริกาท่านเลยต้องหันไปญาติดีกับประธานาธิบดี “มาดูโร” หันไปยกเลิกการแซงชั่นประเทศผู้ผลิตน้ำมันอย่างเวเนซุเอลา ส่งเรือบรรทุกน้ำมันของบริษัท “Chevron” ขนน้ำมันมาขายอเมริกาและพันธมิตรยุโรปหน้าตาเฉย ขณะที่ “นายฮวน ฆวยโต” ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง พร้อมกับการยุบคณะรัฐบาลชั่วคราวโดยบรรดาพรรคฝ่ายค้านทั้งหลายที่ยังได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา หรือพูดง่ายๆ ว่า...ถูก “ถีบทิ้ง” ให้เห็นเป็นตัวอย่างรายล่าสุดนั่นแล...
อันนี้นี่แหละ...ที่ถือเป็น “อันตราย” เอามากๆ!!! สำหรับบรรดาผู้ที่ยังคิดจะเป็นเพื่อนซี้-เพื่อนตายกับรัฐบาลอเมริกัน ไม่ว่าในยุคไหน สมัยไหน แม้แต่เพื่อนซี้-เพื่อนตายผู้ถึงกับได้รับการยกย่องว่าเป็น “ฮีโร่(มัยซิน...เด้อ)” จากรัฐสภาสหรัฐฯ อย่าง “นายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้” ประธานาธิบดีและตัวตลก-ตัวแทนอเมริกาแห่งประเทศยูเครนก็เถอะ เพราะหลังๆ นี้...ชักจะเป็นอะไรที่ด้อยค่า ด้อยราคา ในสายตาของชาวอเมริกันยิ่งเข้าไปทุกที ไม่ว่าจะเป็นรองที่ปรึกษาความมั่นคง “นายJon Finer” ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศ “นางWendy Sherman” ปลัดกลาโหม “นายColin Kahl” ฯลฯ ที่สำนักข่าว “Politico” เขาระบุว่าถึงขั้นขีดเส้นตายให้ผู้นำยูเครนเร่งยึดดินแดนกลับคืนมาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ก่อนที่อาจต้องหันไปนั่งโต๊ะเจรจากับประธานาธิบดี “ปูติน” แห่งรัสเซียอย่างมิอาจปฏิเสธ หรือสมาชิกพรรครีพับลิกันจำนวน 19 คนที่ถึงกับต้องเขียนจดหมายเรียกร้องให้คุณปู่ “โจ ไบเดน” เลิกสนับสนุน ช่วยเหลือรัฐบาลยูเครนอีกต่อไป แม้ว่าจะแค่ 19 คนแต่ต้องถือว่าไม่ใช่น้อยๆ โดยเฉพาะถ้ารัฐบาลอเมริกันยังจำเป็นต้องขอเรี่ยว ขอแรง สมาชิกรัฐสภาทั้งหลายให้อนุมัติการเพิ่มเพดานหนี้ในอีกไม่ช้าไม่นานนับจากนี้...
ยิ่งข่าวล่า-มาเรือ...ว่าด้วยการเห็นกันไปในคนละเรื่อง-คนละม้วน ระหว่างอเมริกากับยูเครน ไม่ว่าเรื่องการยึดเมืองบัคมุต หรือการคิดทวงคืนดินแดนไครเมีย เรื่องการคอร์รัปชันในรัฐบาลยูเครนจนต้องเกิดการปลดรัฐมนตรี ปลดเจ้าหน้าที่ชนิดระเนนระนาด แถมยังมีข่าวเรื่องบรรดาชาวยูเครนเอง ชักเริ่มเบื่อ เริ่มหน่าย กับตัวตลก-ตัวแทน อย่าง “นายเซเลนสกี้” ยิ่งเข้าไปทุกที ถึงขั้นที่ผู้อำนวยการสภาความมั่นคง-ป้องกันแห่งชาติยูเครน “นายAleksey Danilov” ต้องออกมายอมรับว่าบรรดานักการเมืองท้องถิ่นและประชาชนชาวยูเครน ที่เห็นด้วยในการเจรจากับรัสเซียชักมีปริมาณเพิ่มยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ชนิดที่สำนักข่าว “Politico” ถึงกับเอาไปพาดหัวว่า อาจนำไปสู่การลุกฮือแบบเดียวกับการ “ปฏิวัติสี” หรือ “New Maidan Revolt” ช่วงปี ค.ศ. 2014 เอาเลยถึงขั้นนั้น อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้โอกาสที่เพื่อนซี้-เพื่อนตาย พันธมิตรอเมริกาอย่างประธานาธิบดี “เซเลนสกี้” อาจถูก “ถีบทิ้ง” ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้!!! เหมือนอย่างที่อดีตผู้นำเวียดนามใต้ ประธานาธิบดี “เหงียน วัน เถี่ยว” ท่านได้เตือนๆ ไว้ล่วงหน้านั่นแหละว่า อันตรายแห่งการเป็นมิตรกับอเมริกานั้น...อาจถึงขั้น “ตายหยังเขียด” เอาง่ายๆ!!!