ฟิลิปปินส์ยื่นประท้วงทางการทูต เคืองจีนยิงพลุไฟขวางเครื่องบิน

เอพี - รัฐบาลฟิลิปปินส์ยื่นประท้วงทางการทูตต่อปักกิ่งเมื่อวันอังคาร (13 ส.ค.) หลังเครื่องบินจีนบินประชิดอย่างอันตราย แถมยิงพลุไฟขวางเส้นทางบินของเครื่องบินลาดตระเวนของกองทัพอากาศฟิลิปปินส์เหนือสันดอนที่มีข้อพิพาทในทะเลจีนใต้

เครื่องบินของกองทัพอากาศจีนที่ดำเนินการเป็นปฏิปักษ์ต่อเครื่องบินขนส่ง เอ็นซี-212ไอ ของกองทัพฟิลิปปินส์เหนือสันดอนสการ์โบโรห์โชลเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (8 ส.ค.) นั้นเป็นการเผชิญหน้าทางอากาศครั้งแรกนับจากการเผชิญหน้าในทะเลหลวงระหว่างปักกิ่งกับมะนิลาในทะเลจีนใต้ที่เริ่มปะทุขึ้นเมื่อปีที่แล้ว

พล.อ.โรมิโอ บรอว์เนอร์ จูเนียร์ ผู้บัญชาการทหารของฟิลิปปินส์ ไม่ได้ระบุว่า มีการบาดเจ็บหรือความเสียหายใดๆ แต่ประณามการกระทำของจีนว่า อาจส่งผลร้ายแรงได้ เนื่องจากหากพลุไฟโดนเครื่องบินอาจกระเด็นเข้าไปในใบพัดหรือทำให้เครื่องบินลุกไหม้

ขณะเดียวกัน เทเรซิตา ดาซา โฆษกกระทรวงต่างประเทศฟิลิปปินส์ แถลงโดยไม่ได้แจกแจงรายละเอียดว่า ฟิลิปปินส์ได้ประท้วงทางการทูตต่อจีนแล้ว

ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ มาร์กอส จูเนียร์ ของฟิลิปปินส์ กล่าวว่า การกระทำของเครื่องบินของกองทัพอากาศจีน “ไร้เหตุผล ผิดกฎหมาย และประมาท”

ต่อมาในวันจันทร์ (12 ส.ค.) ทีมเฉพาะกิจที่รับผิดชอบทะเลจีนใต้ของรัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลจีนยุติการยั่วยุและการดำเนินการที่เป็นอันตรายทุกรูปแบบที่อาจบ่อนทำลายความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ทหารและพลเรือนฟิลิปปินส์ในทะเลหรือในอากาศ บ่อนทำลายสันติภาพของภูมิภาค ตลอดจนถึงความเชื่อถือและความเชื่อมั่นของชุมชนนานาชาติที่มีต่อจีน แถลงการณ์ระบุด้วยว่า แม้มีการเผชิญหน้า แต่ฟิลิปปินส์ยังคงตรวจตราน่านฟ้าอย่างเข้มงวด

ทางด้านกองบัญชาการยุทธบริเวณภาคใต้ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนของจีนแถลงเมื่อวันเสาร์ (10 ส.ค.) ว่า เครื่องบินของกองทัพอากาศฟิลิปปินส์รุกล้ำน่านฟ้าเหนือสันดอนสการ์โบโรห์อย่างผิดกฎหมาย

และขัดขวางกิจกรรมการฝึกทหารของจีน และกองบัญชาการได้ส่งเรือและเครื่องบินออกไปเพื่อระบุ ติดตาม และสกัดเครื่องบินของฟิลิปปินส์

กองบัญชาการยุทธบริเวณภาคใต้ยังเตือนให้ฟิลิปปินส์ยุติการละเมิด ยั่วยุ บิดเบือน และการสร้างเรื่องราวเกินจริง

ก่อนหน้านี้ อเมริกา ออสเตรเลีย และแคนาดา เคยรายงานพฤติกรรมคล้ายกันนี้ของเครื่องบินของกองทัพอากาศจีนในทะเลจีนใต้ที่ประเทศเหล่านี้ส่งกองกำลังไปยังน่านน้ำดังกล่าวเพื่อส่งเสริมเสรีภาพในการเดินเรือและการบิน

จีนนั้นไม่พอใจกับการกระทำดังกล่าวของอเมริกาและชาติพันธมิตร โดยระบุว่า เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของภูมิภาค

นอกจากจีนและฟิลิปปินส์แล้ว ยังมีบรูไน มาเลเซีย เวียดนาม และไต้หวัน ที่อ้างสิทธิทับซ้อนกันในทะเลจีนใต้ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางขนส่งสินค้าสำคัญของโลก ทว่า มักเกิดเหตุการณ์การเผชิญหน้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างหน่วยยามฝั่งและกองทัพเรือของจีนกับฟิลิปปินส์ในบริเวณสันดอนสการ์โบโรห์โชล และสันดอนเซ็กคันด์โทมัสโชลนับจากปีที่แล้ว

ทั้งนี้ วอชิงตันย้ำว่า ตนเองมีหน้าที่ปกป้องฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ที่สุดในเอเชีย หากกองทัพ เรือ และเรือของฟิลิปปินส์ถูกโจมตี ซึ่งรวมถึงในทะเลจีนใต้