สหรัฐฯ ได้รับข่าวกรองเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับแผนการของอิหร่านในการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตามรายงานของซีเอ็นเอ็นในวันอังคาร (16 ก.ค.) พร้อมระบุเจ้าหน้าที่อเมริการายหนึ่งเปิดเผยด้วยว่าหน่วยสืบราชการลับได้แบ่งปันข้อมูลกับทีมหาเสียงของทรัมป์ไปแล้ว เกี่ยวกับภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้น
ทำเนียบขาวปฏิเสธแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวดังกล่าวของซีเอ็นเอ็น แต่บอกไม่พบข้อบ่งชี้ว่ามือปืนผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์พยายามลอบสังหารทรัมป์เมื่อวันเสาร์ (13 ก.ค.) มีผู้สมคบคิดชาวต่างชาติหรือคนในประเทศรายใด
อิหร่านรุดออกมาตอบโต้ บอกว่าคำกล่าวหาที่มีกับพวกเขานั้น "ไร้ข้อพิสูจน์ใดๆ และเป็นคำกล่าวหาที่ประสงค์ร้าย"
พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ แสดงความกังวลมานานหลายปี ว่า เตหะรานอาจแก้แค้น ทรัมป์ จากกรณีที่เขาออกคำสั่งในเดือนมกราคม 2020 ให้สังหารนายพลกอเซม สุไลมานี ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษคุดส์ แห่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน
"อย่างที่เราเคยพูดมาหลายครั้ง เราแกะรอยติดตามภัยคุกคามจากอิหร่านที่มีต่อบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐบาลทรัมป์มานานหลายปี ย้อนกลับไปในช่วงรัฐบาลหลังสุด" อาเดรียน วัตสัน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวระบุ "ภัยคุกคามนี้เพิ่มมากขึ้นจากความปรารถนาของอิหร่านในการแก้แค้นให้แก่การสังหารกอเซม สุไลมานี เรามองเรื่องความมั่นคงแห่งชาติและความมั่นคงแห่งมาตุภูมิมีความสำคัญสูงสุด"
ซีเอ็นเอ็นอ้างว่าได้รับข้อมูลเกี่ยวกับข่าวกรองเกี่ยวกับแผนลอบสังหารของอิหร่าน มาจากแหล่งข่าวรายหนึ่ง
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งบอกว่าหลังจากทราบเกี่ยวกับภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้น ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติได้ติดต่อไปยังหน่วยสืบราชการลับ ซึ่งทางหน่วยงานแห่งนี้ได้เพิ่มทรัพยากรและทรัพย์สินต่างๆ สำหรับอารักขาทรัมป์ พร้อมระบุทีมหาเสียงของทรัมป์ ก็ทราบดีเกี่ยวกับภัยคุกคามที่ก่อตัวขึ้นเช่นกัน
ในถ้อยแถลงที่ส่งถึงรอยเตอร์ ทางคณะผู้แทนของอิหร่านประจำสหประชาชาติในนิวยอร์ก ตอบโต้ว่า คำกล่าวหาเหล่านี้ไร้ข้อพิสูจน์ใดๆ และมีเจตนาประสงค์ร้าย "จากมุมมองรัฐอิสลามอิหร่าน ทรัมป์คืออาชญากรที่ต้องถูกดำเนินคดีและลงโทษในศาลยุติธรรม ต่อคำสั่งลอบสังหารนายพลสุไลมานี อิหร่านเลือกหนทางทางกฎหมายในการนำตัวเขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม"
หน่วยสืบราชการลับของสหรัฐฯ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ต่อกรณีที่ปล่อยให้มือปืนวัย 20 ปี เข้าถึงดาดฟ้าของอาคารที่สามารถมองเห็นเวทีหาเสียง จนสามารถลั่นไกเข้าใส่ทรัมป์ในวันเสาร์ (13 ก.ค.) ส่งผลให้ตัวแทนพรรครีพับลิกันลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีได้รับบาดเจ็บบริเวณหูขวา มีผู้รับฟังการปราศรัยหาเสียงเสียชีวิต 1 ราย และผู้เข้าร่วมคนอื่นๆได้รับบาดเจ็บ 2 คน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ออกคำสั่งให้เปิดการสืบสวนอิสระว่ามือปืนเฉียดใกล้สังหารทรัมป์ได้อย่างไร ในขณะที่หน่วยสืบราชการลับก็ต้องเผชิญการตรวจสอบจากสภาคองเกรสเช่นกัน
(ที่มา : รอยเตอร์)
