สื่อต่างประเทศเผยคำทำนายของ บาวา วานกา (Baba Vanga) หมอดูตาบอดชาวบัลแกเรียผู้ได้ฉายา “นอสตราดามุสแห่งบอลข่าน” ซึ่งระบุเอาไว้ว่า “วันสิ้นโลก” จะเริ่มต้นขึ้นในปี 2025
บาบา วานกา ซึ่งมีชื่อจริงว่า วานเจลิยา ปานเดวา กุชเตโรวา (Vangeliya Pandeva Gushterova) เสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 1996 แต่ว่ากันว่าเธอได้ทำนายเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะเกิดเหตุวินาศกรรม 9/11 และสงครามในยูเครน
ปัจจุบัน ผู้ที่นับถือศรัทธาแม่หมอคนนี้ยังคงเฝ้าจับตาดูว่า คำทำนายต่างๆ ที่เธอได้กล่าวไว้ก่อนตายจะเป็นจริงหรือไม่
ก่อนหน้านี้เคยมีคนอ้างว่า บาบา วานกา ได้ทำนายไว้ว่าโลกจะถึงกาลดับสูญในปี 2023 เนื่องจากสงครามนิวเคลียร์และพายุสุริยะ ทว่าคำพยากรณ์ของแม่หมอคนนี้ไม่เคยถูกบันทึกอย่างเป็นทางการ หรือได้รับการพิสูจน์ที่ไหนมาก่อน
ล่าสุด ได้มีการเปิดเผยคำทำนายอันน่ากลัวของ บาบา วานกา อีกครั้ง โดยคราวนี้บอกว่าวันสิ้นโลก หรือ apocalypse จะเริ่มปรากฏสัญญาณให้เห็นตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป และเผ่าพันธุ์มนุษย์จะถูกทำลายล้างจนหมดสิ้นในปี 5079
ไทม์ไลน์จุดจบของมวลมนุษยชาติตามคำทำนายของ บาบา วานกา มีดังต่อไปนี้
2025: เกิดสงครามขึ้นในยุโรปที่จะทำให้ประชากรเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก
2028: มนุษย์จะเริ่มออกไปสำรวจดาวศุกร์เพื่อแสวงหาแหล่งพลังงานใหม่
2033: น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ส่งผลให้ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก
2076: ระบอบคอมมิวนิสต์จะแพร่กระจายไปยังทุกประเทศทั่วโลก
2130: มนุษยชาติจะเริ่มติดต่อสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว (alien)
2170: เกิดภัยแล้งครั้งใหญ่ที่สร้างหายนะต่อหลายพื้นที่ทั่วโลก
3005: โลกจะทำสงครามกับ “อารยธรรม” บนดาวอังคาร
3797: มนุษยชาติจะต้องละทิ้งโลกใบนี้ เนื่องจากไม่สามารถอาศัยอยู่ได้อีกต่อไป
5079: โลกจะถึงกาลดับสูญ
บาบา วานกา ไม่ใช่หมอดูรายแรกที่อ้างตัวว่าสามารถล่วงรู้ว่าโลกจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ชนเผ่ามายาก็มีการทำนายเอาไว้เช่นกันว่าโลกจะสิ้นสุดในปี 2012 เนื่องจากปฏิทินโบราณของชาวมายานั้นถูกตัดขาดเอาไว้แค่ในวันที่ 21 ธ.ค. ปี 2012 เท่านั้น
ทีมนักวิทยาศาสตร์จากองค์การจดหมายข่าวนักวิทยาศาสตร์ด้านปรมาณู หรือ Bulletin of the Atomic Scientists ก็ได้มีการอัปเดต “นาฬิกาวันสิ้นโลก” หรือ Doomsday Clock เป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้เข็มนาฬิกายังอยู่ที่ 90 วินาทีก่อนเที่ยงคืนต่อเนื่องเป็นปีที่สอง “อันสะท้อนให้เห็นว่าโลกยังคงเผชิญกับสถานการณ์อันตรายที่คาดเดาไม่ได้”
ปีที่แล้ว ทีมนักวิทยาศาสตร์ได้ปรับนาฬิกาจาก 100 วินาที ลดลงมาอยู่ที่ 90 วินาทีก่อนถึง “เที่ยงคืน” ซึ่งถูกกำหนดเป็นเชิงสัญลักษณ์ว่าหมายถึงวันสิ้นโลก
ที่มา : New York Post