xs
xsm
sm
md
lg

ยิวกร้าวพร้อมทำให้เลบานอนถอยกลับไปยุคหิน ขณะยูเอ็นเตือนสงครามกับฮิซบอลเลาะห์ทำโลกหายนะ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ชาวปาเลสไตน์เข้าแถวรับแจกอาหารที่ปรุงโดยครัวการกุศล ที่เมืองข่านยูนิส ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา เมื่อวันพุธ (26 มิ.ย.) ขณะที่อาหารกลายเป็นของหายากท่ามกลางสงครามการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มนักรบฮามาส และการปิดล้อมของกองทหารรัฐยิว
อิสราเอลยันไม่ได้อยากให้เกิดสงครามในเลบานอน แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้สามารถทำให้เพื่อนบ้านชาตินี้ “ถอยกลับไปสู่ยุคหิน” ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านมนุษยธรรมของยูเอ็นเตือนสถานการณ์ดังกล่าวอาจกลายเป็น “วันสิ้นโลก”

อิสราเอลและเลบานอนยิงโต้ตอบกันข้ามพรมแดนแทบทุกวันนับจากวันที่ 7 ต.ค. ที่นักรบฮามาสบุกจู่โจมเข้าไปสังหารเหยื่อราว 1,200 คนในอิสราเอล และจับตัวประกัน 250 คนกลับไปกาซา อันเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามในกาซาที่ยืดเยื้อมาจนถึงขณะนี้ โดยที่มีชาวกาซาถูกกองทหารอิสราเอลสังหารไปแล้ว 37,765 คน

นานาชาติกังวลมากขึ้นว่า สถานการณ์เผชิญหน้าระหว่างอิสราเอล-เลบานอน จะบานปลายกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ หลังจากช่วงหลายสัปดาห์มานี้มีการโจมตีตอบโต้กันดุเดือดมากขึ้น ซ้ำอิสราเอลยังประกาศว่า ได้อนุมัติแผนบุกเลบานอนแล้ว กระตุ้นให้ ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ออกคำเตือนระลอกใหม่

ในวันพุธ (26 มิ.ย.) ระหว่างเยือนวอชิงตัน รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล โยอาฟ กัลแลนต์ ยืนยันว่า อิสราเอลไม่ต้องการสงคราม แต่เตรียมพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ และมีความสามารถที่จะทำให้เลบานอนถอยกลับไปยุคหิน ก่อนย้ำว่า ฮิซบอลเลาะห์เข้าใจดีว่า อิสราเอลสามารถสร้างความเสียหายใหญ่หลวงในเลบานอน หากสงครามระเบิดขึ้น

บรรดาพันธมิตรของอิสราเอลที่รวมถึงผู้สนับสนุนด้านอาวุธรายใหญ่อย่างอเมริกา ต่างไม่ต้องการให้เกิดสถานการณ์สงครามขึ้นในตะวันออกกลางอีกแนวรบหนึ่ง เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งเผยว่า วอชิงตันมีส่วนร่วมในการหารืออย่างเข้มข้นกับอิสราเอล เลบานอน และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ และเชื่อว่า ไม่มีฝ่ายใดต้องการให้สถานการณ์ลุกลามรุนแรง

ทั้งนี้ ในวันอังคารที่ผ่านมา (25) ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวระหว่างพบหารือกับกัลแลนต์ ที่กรุงวอชิงตันว่า หากเกิดสงครามอีกด้านหนึ่งระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ อาจส่งผลร้ายแรงต่อตะวันออกกลาง พร้อมเรียกร้องให้แก้ไขข้อขัดแย้งด้วยแนวทางการทูต

ถัดมาอีกวัน เยอรมนีได้ตอกย้ำคำเตือนของแคนาดา ด้วยการขอให้พลเมืองของตนเดินทางออกจากเลบานอนโดยด่วน เนื่องจากความขัดแย้งบริเวณชายแดนระหว่างอิสราเอลกับเลบานอนอาจลุกลามได้ตลอดเวลา

ในวันพุธ มาร์ติน กริฟฟิธ ผู้ประสานงานด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติ แถลงต่อผู้สื่อข่าวในนครเจนีวาว่า เลบานอนเป็นจุดร้อนที่อันตรายกว่าจุดร้อนทั้งหมด และอยู่นอกเหนือจากการวางแผน ซึ่งหากเกิดสงครามจริงอาจนำไปสู่สถานการณ์วันสิ้นโลก เนื่องจากจะดึงซีเรียและฝ่ายต่างๆ เข้าไปร่วมในการสู้รบด้วย

สำนักข่าวของทางการเลบานอนรายงานว่า อิสราเอลโจมตีบริเวณใกล้พรมแดนถึงราว 10 ระลอกเมื่อวันพุธ ซึ่งรวมถึงเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. ที่ทำลายอาคารหลังหนึ่งในเนบาติเยห์และทำให้มีผู้บาดเจ็บ 5 คน

ทางด้านฮิซบอลเลาะห์อ้างว่า ในวันเดียวกันนั้นได้โจมตีที่มั่นทางทหารของอิสราเอล 6 แห่งบริเวณชายแดน

ในอีกด้านหนึ่ง ที่ดินแดนกาซา การถล่มทิ้งระเบิดของอิสราเอลดูเหมือนเบาลง หลังจากนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของรัฐยิว ประกาศตั้งแต่เมื่อไม่กี่วันก่อนว่า การปฏิบัติการ “ระยะดุเดือดเข้มข้น” ในกาซากำลงจะสิ้นสุดลง และทหารบางส่วนอาจย้ายไปประจำบริเวณชายแดนเลบานอนเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการป้องกันประเทศเป็นหลัก

พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รวมถึงรัฐมนตรีต่างประเทศ แอนโทนี บลิงเคน แสดงความหวังว่า การหยุดยิงในกาซาอาจทำให้สถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนเลบานอนบรรเทาลงเช่นเดียวกัน

กระนั้น ผู้เห็นเหตุการณ์ยังคงรายงานว่า ระหว่างคืนวันพุธถึงวันพฤหัสฯ มีการทิ้งระเบิดรอบๆ กาซา และมีการสู้รบระหว่างกองกำลังอิสราเอลกับนักรบปาเลสไตน์ในเมืองราฟาห์ ซึ่งอยู่ทางตอนต้าถดของกาซา

ทางด้านหน่วยงานป้องกันภัยพลเรือนและหน่วยแพทย์ของกาซาเผยว่า มีประชาชนอย่างน้อย 4 คนที่รวมถึงเด็ก 3 คน เสียชีวิตในการโจมตีบ้านหลังหนึ่งในเบตลาเฮียทางเหนือของกาซา

ขณะที่ มาห์มูด บาซาล โฆษกของหน่วยงานป้องกันภัยพลเรือนในกาซา เผยว่า เกือบไม่มีการโจมตี และบริเวณอื่นๆ ของกาซาสงบกว่าเมื่อวันอังคาร

อย่างไรก็ดี วิกฤตการณ์ด้านมนุษธรรมอันเลวร้ายในกาซา ซึ่งเกิดขึ้นจากสงครามการสู้รบ และการปิดล้อมจำกัดความช่วยเหลือที่โลกภายนอกจัดส่งเข้ามา ตลอดจนการที่ประชากรจำนวนเป็นแสนเป็นล้านถูกสั่งอพยพโยกย้าย ยังคงอยู่ในภาวะที่น่าวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง โดยที่โรงพยาบาลแห่งต่างๆ ในกาซาที่ยังไม่ปิดทำการ ต้องดิ้นรนหนักเพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ ขณะที่มีอาหาร, น้ำดื่ม, และข้าวของจำเป็นต่างๆ ยังคงขาดแคลนหนัก

พวกแพทย์และพยาบาลจากสหรัฐฯที่เพิ่งกลับออกมาจากการปฏิบัติงานในกาซา ต่างบอกว่าวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมที่นั่นหนักหนาสาหัส คนไข้ในโรงพยาบาลที่เหลืออยู่ไม่กี่แห่ง กำลังสิ้นชีวิตลงกันเป็นจำนวนมาก

แอดัม ฮามาวี อดีตศัลยแพทย์ด้านการบาดเจ็บจากการสู้รบของกองทัพบกสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะแพทย์ฉุกเฉินอาสาสมัคร เล่าว่าตลอด 30 ปีที่ผ่านมา เขาเคยทำงานในประเทศจำนวนมากที่อยู่ในภาวะบ้านแตกสาแหรกขาดจากภัยสงครามตลอดจนจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ แต่ระดับของการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือนที่เขาเจอในกาซานั้น ล้ำเกินเลยจากสิ่งที่เขาเคยเห็นมาก่อนไม่ว่าที่ไหน

“คนไข้ของเราส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี” อดีตแพทย์ทหารวัย 54 ปีผู้นี้กล่าวกับเอเอฟพี “นี่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทัศนะทางการเมืองของพวกคุณเลย”

(ที่มา: เอเอฟพี, เอพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น