มีรายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาทำข้อตกลงกับรัสเซีย เกี่ยวกับการจะไม่ขยายอาณาเขตของนาโตไปยังยูเครนและจอร์เจีย หากเขาได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีกสมัย ตามรายงานของนิตยสารโพลิติโก สื่อการเมืองอเมริกา โดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่ประสงค์เอ่ยนาม
ทรัมป์ เป็นว่าที่ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ที่จะมาท้าชิงประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในศึกเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน แม้ทีมหาเสียงของเขายังไม่ได้เปิดเผยชื่อคณะทำงานด้านความมั่นคงแห่งชาติ หรือแสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับวาระนาโต แต่นิตยสารโพลิติโก รายงานเกี่ยวกับความเป็นไปได้ดังกล่าวในเรื่องราวที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (2 ก.ค.)
รายงานของโพลิติโก ระบุว่า "ส่วนหนึ่งในแผนการหนึ่งสำหรับยูเครน ที่ไม่เคยรายงานก่อนหน้านี้ ว่าที่ตัวแทนพรรครีพับลิกันกำลังขบคิดเกี่ยวกับข้อตกลงหนึ่ง ซึ่งนาโตสัญญาว่าจะไม่แผ่ขยายอาณาเขตไปทางตะวันออกเพิ่มเติม โดยเฉพาะกับยูเครนและจอร์แดน และกำลังพิจารณาเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย เกี่ยวกับขอบเขตดินแดนของยูเครนมากน้อยแค่ไหนที่รัสเซียจะสามารถเก็บไว้อยู่ภายใต้การยึดครอง" โพลิติโกรายงานโดยอ้าง 2 ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงแห่งชาติ ที่เป็นคนใกล้ชิดของทรัมป์
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับทรัมป์รายหนึ่ง อ้างว่าตัวแทนพรรครีพัลิกันรายนี้ "เปิดกว้างสำหรับบางอย่างที่หยุดการขยายอาณาเขตของนาโต และไม่ย้อนกลับสู่แนวเขตแดนปี 1991 สำหรับยูเครน อย่างไรก็ตาม เขาไม่ตัดทางเลือกอื่นๆ ในนั้นรวมถึงจัดหาอาวุธจำนวนมากแก่เคียฟ"
แม้ดูเหมือน ทรัมป์ จะไม่ถอนสหรัฐฯ ออกจากนาโต แต่มีความเป็นไปได้ว่าเขาอยากจะปฏิรูปกลุ่มก้อนพันธมิตรทหารที่นำโดยสหรัฐฯ แห่งนี้ เพื่อให้บรรดารัฐสมาชิกยุโรปแบกรับความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น บางอย่างที่แหล่งข่าวของโพลิติโกแสดงความกังวลว่าบรรดารัฐสมาชิกอาจจะไม่สามารถทำได้
แหล่งข่าวใกล้ชิดทรัมป์ ระบุว่ารัฐสมาชิกยุโรปของกลุ่มนาโตที่ไม่ใช้จ่ายงบประมาณด้านการทหารอย่างน้อย 2% ของจีดีพี จะไม่ได้รับคำรับประกันด้านกลาโหมและความมั่นคงจากสหรัฐฯ อีกต่อไป
"สหรัฐฯ ไม่มีกำลังทหารมากพอที่จะส่งไปทั่ว" เอลบริดจ์ คอลบี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรองผู้ช่วยด้านยุทธศาสตร์ของรัฐมนตรีกลาโหม ในสมัยทรัมป์ บอกกับโพลิติโก "เราไม่อาจทุ่มทุนหักคมหอกของเราในยุโรปไปกับรัสเซีย ในขณะที่เรารู้ดีว่าจีนและรัสเซียกำลังร่วมมือกัน และจีนเป็นภัยคุกคามที่อันตรายและสำคัญมากกว่า"
ส่วนหนึ่งของการปรับทิศทางอย่างสุดขั้วของนาโต ภายใต้ทรัมป์ ทางสหรัฐฯ จะคงไว้ซึ่งฐานทัพอากาศและฐานทัพเรือในยุโรป แต่ปล่อยให้เรื่องทหารราบ ยานเกราะ โลจิสติกส์และปืนใหญ่ อยู่ภายใต้การดูแลของพันธมิตรในทวีปแห่งนี้เอง
อ้างอิงรายงานของโพลิติโก ระบุว่าบรรดาชาติอียูพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่ายังไม่ได้มีการเตรียมการสำหรับการขยายบทบาทด้านการทหารในอนาคตอันใกล้นี้ ในขณะที่ทวีปยุโรปกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอ และต้องพึ่งพิงอุปทานพลังงานของสหรัฐฯ มากกว่าในอดีตที่ผ่านมา
(ที่มา : โพลิติโก/อาร์ทีนิวส์)