ส่อเป็นมหาสงคราม! ไบเดนไม่ปฏิเสธส่งทหารราบปกป้องไต้หวัน หากความขัดแย้งกับจีนปะทุขึ้น

โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะบอกว่าประเทศของเขาจะปกป้องไต้หวันจากกองทัพจีนอย่างไร แต่ไม่ตัดความเป็นไปได้ในการส่งทหารราบเข้าสู่สมรภูมิบนเกาะปกครองตนเองแห่งนี้ ในกรณีที่สงครามกับจีนปะทุขึ้น

ไต้หวันได้รับการหนุนหลังจากรัฐบาลแล้วรัฐบาลเล่าในวอชิงตัน แม้กระทั่งหลังจากสหรัฐฯ ให้การรับรองสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการในปี 1979 เกาะแห่งนี้เป็นแหล่งลี้ภัยสุดท้ายของกองกำลังชาตินิยมในสงครามกลางเมืองของจีนในช่วงทศวรรษ 1940 ขณะที่นับตั้งแต่นั้นรัฐบาลคอมมิวนิสต์ในแผ่นดินใหญ่ ค่อยๆ กีดกันรัฐบาลไต้หวันออกจากเวทีนานาชาติตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม วอชิงตันยังคงให้การสนับสนุนด้านอาวุธและโอกาสทางการค้าแก่ไต้หวัน แม้ในทางเทคนิคแล้วจะยอมรับว่าปักกิ่งเป็นตัวแทนของจีนเดียว ทั้งนี้ ไบเดน ต่างจากประธานาธิบดีคนก่อนๆ ของสหรัฐฯ เขาเบี่ยงเบนจากหลักการความคลุมเครือทางยุทธศาสตร์ ที่อเมริกาปฏิเสธเน้นย้ำกับสาธารณะว่าพวกเขาจะให้การสนับสนุนไต้หวันมากน้อยแค่ไหน ในขณะที่ผู้นำรายนี้รับปากซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะเข้าแทรกแซงทางทหาร ในกรณีที่จีนพยายามใช้กำลังเข้าควบคุมเกาะแห่งนี้

ระหว่างให้สัมภาษณ์กับนิตยสารไทม์ ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (4 มิ.ย.) ไบเดน ถูกถามว่าจริงๆ แล้ว กองทัพสหรัฐฯ จะดำเนินการอย่างไรในกรณีที่เกิดความขัดแย้งติดอาวุธในไต้หวัน "มันขึ้นอยู่กับกรณีแวดล้อม" ประธานาธิบดีอเมริกากล่าว "เราจะเดินหน้าจัดหาแสนยานุภาพ และเราปรึกษาหารือกับพันธมิตรต่างๆ ของเราในภูมิภาคอยู่ตลอด"

ไบเดน กล่าวว่าเขาไม่ปฏิเสธในการใช้กองกำลังสหรัฐฯ ในภาคสนาม แต่ได้พิจารณาทางเลือกอื่นๆ เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เขาไม่ขอเปิดเผยต่อสาธารณะในเรื่องนี้ "พวกคุณอาจวิพากษ์วิจารณ์ผมด้วยเหตุผลที่ดี หากผมบอกเรื่องนี้กับคุณ"

เจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ อ้างว่าปักกิ่งอาจกำลังเตรียมการกองทัพสำหรับบุกยึดไต้หวัน ซึ่งเสียงคาดเดาเกี่ยวกับกำหนดเวลาของปฏิบัติการดังกล่าวผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ไบเดน บอกกับนิตยสารไทม์ต่อว่าเขาได้พูดคุยในประเด็นนี้กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ระหว่างการประชุมทวิภาคีในซานฟรานซิสโกเมื่อปีที่แล้ว และประกาศว่าไต้หวันไม่ได้เสาะหาการประกาศเอกราช แต่ขณะเดียวกันเขาบอกว่า "เราจะปกป้องไต้หวันหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าจีนพยายามเปลี่ยนแปลงสถานะแต่เพียงฝ่ายเดียวหรือเปล่า"

นโยบายที่ปักกิ่งเน้นย้ำมาตลอดคือเสาะหาการรวมชาติอย่างสันติวิธี แต่ก็เตือนว่าอาจเลือกหนทางแห่งปฏิบัติการทางทหารตอบโต้การประกาศเอกราชอย่างเป็นทางการ ขณะที่พวกเจ้าหน้าที่จีนกล่าวอ้างว่านักการเมืองอเมริกาบางส่วนยุยงให้ไทเปข้ามเส้นตายที่ขีดไว้นี้

(ที่มา : อาร์ทีนิวส์/นิตยสารไทม์)