‘ไบเดน’ เชื่อ ‘เนทันยาฮู’ อาจยื้อไม่ให้สงครามกาซายุติลงด้วยเหตุผลทางการเมืองส่วนตัว ชี้อิสราเอลกำลังทำพลาดเหมือนอเมริกาในช่วงหลังเหตุวินาศกรรม 9/11 ที่นำไปสู่สงครามไม่รู้จบ ทั้งที่ตนได้เตือนแล้ว
การแสดงความคิดเห็นดังกล่าวของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เกิดขึ้นระหว่างให้สัมภาษณ์นิตยสารไทม์เมื่อวันที่ 28 พ.ค. หรือไม่กี่วันก่อนที่เขาจะเปิดเผยข้อเสนอหยุดยิงในกาซาล่าสุด และขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล กำลังดิ้นรนต่อสู้กับความแตกแยกรุนแรงทางการเมืองภายในประเทศ
ในบทสัมภาษณ์ที่ไทม์นำออกเผยแพร่ในวันอังคาร (4 มิ.ย.) เมื่อถูกถามว่า คิดว่าเนทันยาฮูกำลังยื้อสงครามกาซาเพื่อเหตุผลทางการเมืองส่วนตัวหรือไม่ ไบเดนตอบว่า จากข้อมูลทั้งหมดที่มีสามารถสรุปแบบนั้นได้
ไบเดนที่บอกว่าพยายามผลักดันให้สงครามที่ดำเนินมาเกือบ 8 เดือนยุติลง ย้ำสิ่งที่เขาเคยกล่าวเอาไว้ว่า ยังไม่สามารถระบุแน่นอนว่า กองทัพอิสราเอลก่ออาชญากรรมสงครามในกาซาหรือไม่
ผู้นำสหรัฐฯ ยังคัดค้านข้อกล่าวหาของพวกองค์การมนุษยธรรมระหว่างประเทศที่ว่า อิสราเอลกำลังใช้ความอดอยากของพลเรือนเป็นอาวุธเพื่อกดดันกลุ่มฮามาส ถึงแม้เขายอมรับว่า อิสราเอลเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ไม่เหมาะสม ทั้งนี้ เขาย้ำว่า ได้เตือนอิสราเอลเอาไว้แล้วไม่ให้ทำผิดพลาดเหมือนที่อเมริกาทำหลังเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน 2001 ที่นำไปสู่สงครามไม่รู้จบ ก่อนสำทับว่า “ตอนนี้อิสราเอลกำลังทำแบบนั้น”
เขายังยอมรับว่า มีความเห็นขัดแย้งกับเนทันยาฮูหลายอย่างเกี่ยวกับอนาคตของกาซาหลังสงคราม
อย่างไรก็ดี ในวันเดียวกับที่ให้สัมภาษณ์กับไทม์ เมื่อถูกผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวถามว่า เนทันยาฮูเล่นการเมืองอยู่หรือไม่ ไบเดนกลับตอบว่า เขาไม่คิดแบบนั้น แต่คิดว่า ผู้นำอิสราเอลพยายามแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
ทางด้านเดวิด เมนเซอร์ โฆษกรัฐบาลอิสราเอล ตอบคำถามเกี่ยวกับบทสัมภาษณ์ดังกล่าวว่า การที่ไบเดนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเนทันยาฮูแบบนั้นถือว่าละเมิดบรรทัดฐานทางการทูตของประเทศที่มีความคิดอ่านถูกต้อง
ทั้งนี้ เดือนที่แล้ว อัยการของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ในกรุงเฮก เนเธอร์แลนด์ ขอออกหมายจับเนทันยาฮูและรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล รวมถึงผู้นำฮามาส 3 คนด้วยข้อหาก่ออาชญากรรมสงคราม และก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
อิสราเอลรเปิดฉากโจมตีทางอากาศและภาคพื้นดินในกาซาตั้งแต่เมื่อต้นเดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยระบุว่าต้องการทำลายล้างกลุ่มฮามาสที่ข้ามแดนเข้าไปโจมตีในภาคใต้อิสราเอล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตราว 1,200 คน รวมทั้งยังจับตัวประกันกว่า 250 คนกลับไปคุมขังในกาซา
การโจมตีของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตในกาซามากกว่า 36,000 คน นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกาซาเชื่อว่า ยังมีผู้เสียชีวิตที่ถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพังอีกหลายพันคน
ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันอังคาร (4) สมาชิกรัฐสภาสโลวีเนีย 52 คน จาก 90 คนลงมติรับรองกฤษฎีการับรองฐานะความเป็นรัฐของปาเลสไตน์ หลังอภิปรายดุเดือดนาน 6 ชั่วโมง เนื่องจากฝ่ายค้านโต้แย้งว่า สโลวีเนียควรเจริญรอยตามสมาชิกส่วนใหญ่ของสหภาพยุโรป ที่เห็นว่า ขณะนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการดำเนินการดังกล่าว
ทว่า นายกรัฐมนตรีโรเบิร์ต โกล็อบ โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า การรับรองปาเลสไตน์ในฐานะรัฐอิสระเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามทำให้เกิดการยุติสงครามในกาซาโดยเร็วที่สุด ซึ่งก็เป็นเหตุผลเดียวกับที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สเปน ไอร์แลนด์ และนอร์เวย์ ประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์ ส่งผลให้ขณะนี้มี 145 ชาติสมาชิกของสหประชาชาติจากทั้งหมด 193 ชาติ ที่รับรองรัฐปาเลสไตน์
อนึ่ง นอกจากประเด็นสงครามกาซาแล้ว ไบเดนยังถือโอกาสในการให้สัมภาษณ์ไทม์ ข่มอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันที่เป็นคู่แข่งในศึกเลือกตั้งชิงทำเนียบขาวปลายปีนี้ว่า ตนเองมีความพร้อมมากกว่าในการปกป้องฐานะความเป็น “มหาอำนาจโลก” ของอเมริกา และสำทับว่า ตนควรถูกเรียกว่า ผู้นำโลก มากกว่าวิกเตอร์ ออร์บัน ผู้นำฮังการี และวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่คิดว่า ทรัมป์ควรเป็นผู้นำโลกและผู้นำอเมริกา
ไบเดนยังบอกอีกว่า เขามีคุณสมบัติมากกว่าทรัมป์ในการสนับสนุนยูเครน จากการเป็นผู้นำเหล่าชาติตะวันตกให้การสนับสนุนเคียฟโดยตลอดนับจากถูกรัสเซียรุกรานในต้นปี 2022
เขายังยืนกรานว่า ในสายตาของเขา รัสเซียกำลังพังทลาย อย่างไรก็ดี เขาไม่คิดว่า ยูเครนควรเข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในขณะนี้
นอกจากนั้น ขณะที่สถานการณ์ระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งกำลังตึงเครียดอย่างมาก ไบเดนยังย้ำว่า อเมริกาควรสนับสนุนไต้หวัน แต่จะไม่พยายามเปลี่ยนแปลงสถานะเดิม
สุดท้ายประมุขทำเนียบขาวผู้นี้ย้ำว่า ตนเองเป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกันที่ดีที่สุด แม้ผลสำรวจความคิดเห็นพบว่า ผู้มีสิทธิออกเสียงจำนวนมากกังวลกับอายุของไบเดน เนื่องจากหากได้รับเลือกตั้งสมัยที่สองและอยู่จนครบวาระ เขาจะมีอายุถึง 86 ปีก็ตาม
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)