สหราชอาณาจักรคาดหมายว่าจะร่วมกับสหรัฐฯ เปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มฐานที่มั่นทางทหารที่เป็นของพวกฮูตีที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ในเยเมน "ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า" ตามคำกล่าวอ้างของบรรณาธิการข่าวการเมืองของหนังสือพิมพ์เดอะไทม์ส ของอังกฤษ ในวันพฤหัสบดี (11 ม.ค.)
ทำเนียบนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรของ ริชี ซูแน็ก ไม่ตอบคำถามของรอยเตอร์ ที่สอบถามขอความคิดเห็น ส่วนกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และทำเนียบขาวก็ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวดังกล่าว ในขณะที่ปกติแล้ว อเมริกาจะไม่แสดงความคิดเห็นต่อแนวโน้มปฏิบัติการทางทหารใดๆ ในอนาคต
"พวกฮูตีจำเป็นต้องหยุดการโจมตีเหล่านี้ พวกเขาต้องแบกรับผลสนองกลับ หากว่าไม่ยอมทำตาม" จอห์น เคอร์บี โฆษกความมั่นคงแห่งชาติทำเนียบขาวระบุในวันพฤหัสบดี (11 ม.ค.)
เดอะไทม์ส รายงานว่าก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี (11 ม.ค.) ซูแน็ก ได้บรรยายสรุปกับคณะรัฐมนตรี ต่อการขยับเข้าใกล้การเข้าแทรกแซงทางทหาร และสื่อมวลชนอังกฤษแห่งนี้รายงานด้วยว่า บุคคลทางการเมืองอื่นๆ ในนั้นรวมถึง เคียร์ สตาร์เมอร์ หัวหน้าพรรคเลเบอร์ พรรคฝ่ายค้าของสหราชอาณาจักร เช่นเดียวกับประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฟังรายงานสรุปจากรัฐบาลเช่นกัน
ชาวบ้าน 3 คนในเมืองโฮเดดาห์ ทางใต้ของเยเมน เปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า เมืองแห่งนี้อยู่ในภาวะเฝ้าระวังมาตั้งแต่ช่วงเย็นวันพฤหัสบดี (11 ม.ค.) ฮูตีประจำการกองกำลังจำนวนมากและมีความเคลื่อนไหวของรถบรรทุกทหารขวักไขว่ นอกจากนี้ ยังมีการอพยพบริเวณที่ตั้งทางทหารของฮูตี และตามค่ายที่พักต่างๆ ในโฮเดดาห์
กลุ่มติดอาวุธฮูตีที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ได้ยกระดับการโจมตีบรรดาเรือสินค้าในทะแดง ที่เพื่อประท้วงสงครามของอิสราเอลในกาซา บริษัทเดินเรือสินค้ามากมายได้ระงับปฏิบัติการ และหันไปใช้เส้นทางแถวแอฟริกา ที่มีระยะทางไกลกว่า
กองทัพสหรัฐฯ เปิดเผยว่าก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี (11 ม.ค.) ว่าพวกฮูตีได้ลงมือโจมตีเล่นงานการเดินเรือครั้งที่ 27 นับตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน ด้วยการยิงขีปนาวุธต่อต้านเรือเข้าใส่เส้นทางการเดินเรือในอ่าวเอเดน
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ กองทัพเรือสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรได้สอยร่วงโดรนและขีปนาวุธจำนวนหลายสิบ ที่กบฏฮูตียิงเข้าใส่ทางใต้ของทะเลแดง
พวกฮูตี ซึ่งยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของเยเมน ในสงครามกลางเมือง ได้ประกาศโจมตีเรือต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอล หรือมุ่งหน้าสู่ท่าเรือของอิสราเอล อย่างไรก็ตาม จำนวนมากของเรือที่ตกเป็นเป้าหมายนั้น พบว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับอิสราเอล
(ที่มา : รอยเตอร์)