กองทัพเรือสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร สอยร่วงโดรนและขีปนาวุธ 20 ลำ/ลูก ที่ยิงออกมาโดยพวกกบฏฮูตีในเยเมนมุ่งหน้าสู่ทางใต้ของทะเลแดง เมื่อวันอังคาร (9 ม.ค.) จากการเปิดเผยของอเมริกา ขณะที่ลอนดอนแย้มว่ากำลังใช้มาตรการต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อปกป้องเส้นทางขนส่งสินค้าระหว่างประเทศแห่งนี้
แกรนท์ ชาปป์ส รัฐมนตรีกลาโหมแห่งสหราชอาณาจักร บอกว่า มันถือเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาโดยพวกกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ในพื้นที่นี้ นับตั้งแต่สงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสปะทุขึ้น ในขณะที่ความขัดแย้งที่ลากยาวมานาน 3 เดือนในฉนวนกากาซา ได้ลุกลามสู่พื้นที่อื่นๆ ของตะวันออกกลางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"นี่คือสถานการณ์ที่ไม่ยั่งยืน" ชาปป์สบอกกับผู้สื่อข่าว พร้อมระบุ "กำลังจับตามองไปยังพื้นที่นี้ ด้วยการพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะมีความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมจากสหราชอาณาจักรและพันธมิตรนานาชาติ เรื่องแบบนี้ไม่อาจปล่อยให้เกิดขึ้นอีกต่อไปได้"
กองบัญชาการกลางสหรัฐฯ เปิดเผยว่าไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายใดๆ พร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นครั้งที่ 26 แล้ว ที่พวกกบฏฮูตีทำการโจมตีเส้นทางขนส่งสินค้าในทะเลแดง นับตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน
หลังจากนั้นในวันเดียวกัน ยาห์ยา ซารี โฆษกของกองทัพฮูตี บอกว่ากลุ่มนักรบที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ยิงขีปนาวุธแบบทิ้งตัวและขีปนาวุธทางเรือจำนวนมาก เช่นเดียวกับส่งโดรนเล่นงานเรือลำหนึ่งของสหรัฐฯ ที่ให้การสนับสนุนอิสราเอล
ในถ้อยแถลงที่กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ ซารี ไม่ได้บอกว่าการโจมตีของฮูตีเกิดขึ้นเมื่อไหร่หรือก่อความเสียหายใดบ้าง โดยเพียงแต่ระบุว่าปฏิบัติการนี้เป็นการตอบโต้เบื้องต้นต่อการโจมตีหนึ่งของสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ ที่สังหารนักรบฮูตีไป 10 คน
กองเรือที่ 5 แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งมีฐานทัพในภูมิภาคอ่าวอาหรับ ได้ร่วมกับสหราชอาณาจักร ประจำการกองกำลังทางทะเลเข้าปกป้องเส้นทางเดินเรือในทะเลแดง จากการโจมตีของกบฏฮูตีที่ทวีความหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเหตุโจมตีล่าสุด
ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าขีปนาวุธและโดรนที่ระดมโจมตีเรือสหรัฐฯ ตามคำกล่าวอ้างของเจ้าหน้าที่ฮูตีนั้น มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับความเคลื่อนไหวของกองทัพเรือสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรหรือไม่
อย่างไรก็ตาม พวกกบฏฮูตี ซึ่งควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเยเมน เคยบอกว่าพวกเขาเล็งเป้าหมายเส้นทางขนส่งสินค้าในทะเลแดง เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนชาวปาเลสไตน์ในกาซา และพวกฮามาส กลุ่มอิสลามิสต์ปาเลสไตน์ ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนีระบุว่าเหตุโจมตีล่าสุดนี้ถือเป็นสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายอย่างชัดเจน
การโจมตีก่อความปั่นป่วนอย่างรุนแรงแก่การค้าระหว่างประเทศในเส้นทางขนส่งทางเรืออันสำคัญที่เชื่อมระหว่างยุโรปกับเอเชีย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 15% ของการขนส่งทางเรือทั่วโลก
บริษัทขนส่งทางเรือหลายแห่งถูกบีบให้ต้องเปลี่ยนเส้นทางการเดินเรือ หันไปใช้เส้นทางที่ไกลกว่าเดิมแถวแอฟริกา แต่มีหลายบริษัท ทั้งบริษัทน้ำมันรายใหญ่ โรงกลั่นและตัวแทนผู้จัดการขนส่งสินค้ายังคงเดินหน้าใช้เส้นทางทะเลแดง
กองบัญชาการกลางสหรัฐฯ บอกว่าโดรน 18 ลำ ขีปนาวุธร่อนต่อต้านเรือ 2 ลูก และขีปนาวุธต่อต้านเรือ 1 ลูก ถูกสอยร่วงโดยกองทัพเรือของ 2 ชาติ ในเหตุการณ์เมื่อวันอังคาร (9 ม.ค.)
ชาปป์ส บอกว่าเรือเอชเอ็มเอส ไดมอนด์ ของกองทัพเรือสหราชอาณาจักร ซึ่งสกัดการโจมตีร่วมกับเรือรบหลายลำของสหรัฐฯ อาจเป็นเป้าหมายโดยเฉพาะ พร้อมระบุมีการโจมตีโดยทั่วไปต่อเรือทุกลำเช่นกัน
กบฏฮูตีเคยประกาศว่าจะเดินหน้าโจมตีจนกว่าอิสราเอลจะระงับความขัดแย้งในกาซา พร้อมเตือนว่าพวกเขาจะโจมตีเรือรบสหรัฐฯ หากว่าพวกเขาตกเป็นเป้าหมายการโจมตีโดยอเมริกาและพันธมิตร
อีกด้านหนึ่งในวันพุธ (10 ม.ค.) คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้หยุดการโจมตีใส่เรือขนส่งสินค้าในทะเลแดงโดยพวกฮูตีในทันที
มติที่ผ่านความเห็นชอบ "เรียกร้องให้พวกฮูตีหยุดทุกการโจมตีลักษณะดังกล่าวในทันที ในขณะที่มันเป็นอุปสรรคขัดขวางการค้าโลก และบ่อนทำลายสิทธิและเสรีภาพในการเดินเรือ เช่นเดียวกับบ่อนทำลายสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค" ทั้งนี้มติดังกล่าวผ่านความเห็นชอบ หลังจากรัสเซีย จีน โมซัมบิก และแอลจีเรีย งดออกเสียง
ก่อนหน้านี้สหประชาชาติบอกว่า "พวกเขาจะเดินหน้าให้ความใส่ใจเป็นอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ในทะเลแดง ไม่ใช่เพราะตัวของสถานการณ์เองเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความเสี่ยงต่างๆ ที่มันก่อแก่การค้าโลกด้วย"
ร่างมติที่พบเห็นโดยเอเอฟพี ได้ "ประณามในถ้อยคำที่หนักหน่วงที่สุดต่อเหตุโจมตีของกบฏฮูตีอย่างน้อย 20 รอบ ต่อเรือสินค้าและเรือพาณิชย์ต่างๆ นับตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน ครั้งที่ฮูตีโจมตีและยึดเรือกาแล็กซี่ ลีดเดอร์ และจับกุมลูกเรือของเรือลำดังกล่าว"
(ที่มา : รอยเตอร์)
