นายพลระดับสูงของสหรัฐฯ ออกมาตั้งข้อสังเกตวานนี้ (23 มิ.ย.) ว่าข้อตกลงป้องกันร่วมที่ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียทำร่วมกับเกาหลีเหนืออาจเป็นชนวนนำไปสู่ความขัดแย้งกับ “จีน” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพันธมิตรเบอร์หนึ่งของเปียงยางมายาวนาน
พล.อ.อ. ซี. คิว. บราวน์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสื่อระหว่างเยือนต่างประเทศว่า “ตอนนี้มีอีกฝ่ายสอดแทรกเข้ามา ดังนั้นมันอาจจะทำให้ (จีน) และ (รัสเซีย) เกิดความไม่ลงรอยกันมากขึ้น”
“นั่นจึงเป็นสิ่งที่น่าจับตามองว่า ทั้ง 3 ชาติจะเดินต่อไปอย่างไร”
นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ข้อตกลงป้องกันร่วมที่ ปูติน และ คิม จองอึน ลงนามเมื่อวันพุธที่แล้ว (19 มิ.ย.) จะทำให้จีนมีอำนาจต่อรองกับทั้ง 2 ชาติลดลง และกระพือความไร้เสถียรภาพที่ส่งผลลบต่อเป้าหมายทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ระดับโลกของจีน
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (20) ปูติน ได้ออกมาขู่ว่ารัสเซียอาจส่งมอบอาวุธให้เกาหลีเหนือ ในลักษณะเดียวกับที่ชาติตะวันตกติดอาวุธให้ยูเครน
พล.อ.อ.บราวน์ ยอมรับว่า การจับมือระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซียครั้งนี้ก่อความกังวลให้กับสหรัฐฯ แต่ก็ชี้ถึงข้อจำกัดต่างๆ ในความตกลงครั้งนี้ และยังแสดงความสงสัยด้วยว่ามอสโกจะกล้า “ให้ทุกอย่าง” ที่เปียงยางต้องการจริงหรือ
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่า เกาหลีเหนือปรารถนาที่จะได้เครื่องบินขับไล่ ระบบขีปนาวุธชนิดยิงจากพื้นดินสู่อากาศ ยานเกราะ วัตถุดิบหรือเครื่องมือผลิตขีปนาวุธทิ้งตัว รวมถึงเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าต่างๆ ของรัสเซีย
“ฟีดแบ็กจากผมเกี่ยวกับข้อตกลงนี้ก็คือ มันเป็นแค่ข้อตกลงกว้างๆ ที่ไม่มีผลผูกมัดจริงจัง ซึ่งทำให้เห็นว่าพวกเขาต้องการทำงานร่วมกัน ทว่าไม่อยากถูกผูกติดกันเสียทีเดียว” บราวน์กล่าว
ข้อตกลงป้องกันร่วมกำหนดให้เกาหลีเหนือและรัสเซียมอบความช่วยเหลือทางทหารให้แก่กันและกันทันที หากว่าอีกฝ่ายหนึ่งถูกรุกราน
ปูติน ระบุว่า มอสโกคาดหวังว่าความร่วมมือกับเกาหลีเหนือครั้งนี้จะช่วยป้องปรามตะวันตกได้บ้าง แต่ยืนยันว่ารัสเซียไม่มีความจำเป็นต้องดึงทหารเกาหลีเหนือเข้าไปร่วมรบในยูเครน
สหรัฐฯ และยูเครนกล่าวหาเกาหลีเหนือว่าส่งมอบเครื่องกระสุนและขีปนาวุธทิ้งตัวจำนวนมากให้รัสเซียเพื่อทำส่งครามรุกรานเคียฟ ในขณะที่มอสโกและเปียงยางยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง
ที่มา : รอยเตอร์