เคียฟจะยังคงปฏิบัติอยู่ในกฎแห่งสงคราม หากว่าใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 ที่ตะวันตกจัดหาใช้โจมตีเป้าหมายทางทหารต่างๆ ในรัสเซีย จากความเห็นของ ลาร์ส ลอคเค ราสมุสเซน รัฐมนตรีต่างประเทศเดนมาร์ก เมื่อวันพฤหัสบดี (30 พ.ค.)
เดนมาร์กเป็นหนึ่งในบรรดาชาติพันธมิตรที่เมื่อปีที่แล้วรับปากจัดหาเครื่องบิน F-16 ที่ออกแบบโดยสหรัฐฯ ให้แก่ยูเครน แม้จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการส่งมอบ
โคเปเฮเกน ประกาศว่าจะมอบเครื่องบิน F-16 จำนวน 19 ลำ จากทั้งหมด 40 ลำที่พันธมิตรสัญญาจะมอบให้แก่ยูเครน และในเดือนพฤษภาคม นายกรัฐมนตรีเมตเต เฟรเดอริกเซน เปิดเผยว่าเครื่องบินล็อตแรกจะเดินทางถึงยูเครนภายในเดือนนี้
ราสมุสเซน อ้างว่าแผนของเดนมาร์กในการมอบเครื่องบินขับไล่ F-16 แก่ยูเครน ไม่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และยูเครนมีสิทธิใช้เครื่องบินรุ่นนี้โจมตีเป้าหมายต่างๆ ภายในรัสเซีย ตราบใดที่เป้าหมายเหล่านั้นเป็นลักษณะด้านการทหาร
"เรากำลังพูดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการก่อความอ่อนแอแก่ผู้รุกราน ด้วยการกำจัดที่ตั้งทางทหารในดินแดนรัสเซีย มันอยู่ในกฎแห่งสงครามอย่างสมบูรณ์ ที่ประเทศหนึ่งจะป้องกันการโจมตีด้วยตนเอง ในนั้นรวมถึงสิทธิในการไล่ล่าแหล่งที่ตั้งด้านการทหารของฝ่ายโจมตี ในดินแดนของพวกเขาเอง" นายกรัฐมนตรีรายนี้แถลงในบรัสเซลส์
ความเห็นของ ราสมุสเซน มีขึ้นท่ามกลางคำแถลงต่างๆ ที่อาจหาญขึ้นเรื่อยๆ จากบรรดาผู้นำชาติตะวันตกเกี่ยวกับการโจมตีภายในดินแดนของรัสเซีย ในนั้นรวมถึงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโตเรียกร้องรัฐสมาชิกของพันธมิตรทหารที่นำโดยสหรัฐฯ แห่งนี้ ให้พิจารณาทบทวนนโยบายและอนุญาตให้ยูเครนใช้อาวุธของตะวันตกโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย
กระนั้นนายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก เน้นย้ำว่าการโจมตีเหล่านั้นไม่ควรเล็งเป้าหมายไปที่โครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือน "ยูเครนจะไม่ได้รับอิสระอย่างเต็มที่ในการใช้เครื่องบิน F-16 โจมตีใส่รัสเซียโดยไม่เลือกเป้าหมาย และมันจะไม่เป็นประโยชน์กับยูเครนเช่นกัน หากคุณต้องเผชิญการทำศึกสงครามแบบเดียวกันมาจากฝ่ายรัสเซีย สงครามที่มีการไล่ล่าอาคารพลเรือน มันเป็นสิ่งที่เราไม่ควรพูดถึง"
รัสเซีย ระบุมานานว่าการที่ตะวันตกจัดหาอาวุธป้อนแก่เคียฟ รังแต่จะทำให้ความขัดแย้งยืดเยื้อ โดยไม่ก่อการเปลี่ยนแปลงต่อผลลัพธ์ใดๆ นอกจากนี้ ยังเคยเตือนว่า พวกเขามองการส่งมอบ F-16 แก่ยูเครน เป็นภัยคุกคามทางนิวเคลียร์ เนื่องจากเครื่องบินรุ่นนี้มีศักยภาพบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์)