ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เมื่อวันพฤหัสบดี (20 มิ.ย.) ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะป้อนอาวุธแก่เกาหลีเหนือ ในสิ่งที่วอชิงตันเรียกว่าเป็นถ้อยแถลงที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง ที่เสี่ยงบั่นทอนเสถียรภาพในคาบสมุทรเกาหลีที่เต็มไปด้วยความแตกแยกอยู่ก่อนแล้ว
ระหว่างเดินทางเยือนเวียดนาม ตามหลังเดินทางเยือนกรุงเปียงยางแบบรัฐพิธี ซึ่งรัสเซียและเกาหลีเหนือได้มีการลงนามในข้อตกลงกลาโหมร่วมต่างๆ ทาง ปูติน ยังเตือนไปยังเกาหลีใต้ด้วยว่า อย่าคิดจัดหาอาวุธป้อนแก่ยูเครน
ประธานาธิบดีรัสเซีย บอกว่าแนวโน้มที่มอสโกจะมอบอาวุธให้แก่เกาหลีเหนือหรือไม่ จะเป็นผลจากการกระทำของตะวันตกที่กำลังป้อนอาวุธแก่เคียฟ ซึ่งกำลังสู้รบป้องปรามการรุกรานของรัสเซียเข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว "ใครก็ตามที่ส่งขีปนาวุธไปให้ยูเครน พวกเขาคงคิดว่าไม่ได้สู้รบกับเรา แต่อย่างที่ผมเคยบอก ในนั้นรวมถึงในเปียงยาง เราขอสงวนสิทธิในการป้อนอาวุธของเราไปยังภูมิภาคอื่นๆ ของโลก"
"เมื่อพิจารณาจากข้อตกลงต่างๆ ที่เรามีกับเกาหลีเหนือ เราไม่ตัดความเป็นไปได้ในเรื่องนี้" ปูติน กล่าว
ก่อนหน้านี้เกาหลีใต้ในวันพฤหัสบดี (20 มิ.ย.) เรียกสนธิสัญญาระหว่างรัสเซียกับเกาหลีเหนือ "น่ากังวลอย่างยิ่งใหญ่" และเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งในกรุงโซล บอกว่าโซลจะทบทวนนโยบายที่เคยห้ามส่งมอบอาวุธโดยตรงให้แก่ยูเครน
ปูติน ยักไหล่ตอบสนองต่อปฏิกิริยาดังกล่าวของทางเกาหลีใต้ โดยบอกว่า "เกาหลีใต้ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล" แต่เขาเตือนโซลว่าอย่าคิดจัดหาอาวุธให้แก่เคียฟ เพราะไม่เช่นนั้น "มันจะเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวง"
สหรัฐฯ แสดงความกังวลอย่างสูงเช่นกันต่อความเห็นของปูติน ที่ขู่ส่งมอบอาวุธให้แก่เปียงยาง โดยเตือนว่าพฤติกรรมดังกล่าวอาจบั่นทอนเสถียรภาพคาบสมุทรเกาหลี "มันน่าวิตกอย่างยิ่ง" แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอเมริกาบอกกับผู้สื่อข่าว "มันจะบ่อนทำลายเสถียรภาพของคาบสมุทรเกาหลี ขึ้นอยู่กับรูปแบบอาวุธ และอาจละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ตัวรัสเซียเองให้การสนับสนุน"
รัสเซียและเวียดนาม พันธมิตรใกล้ชิดของมอสโกนับตั้งแต่สงครามเย็น ประกาศกระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น ระหว่างการเดินทางเยือนแบบรัฐพิธีของปูติน โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมความเข้มแข็งแก่พันธมิตร
ผู้นำรัสเซียไม่ได้รับคำประกาศสนับสนุนอย่างชัดเจนจากฮานอย ต่างจากเปียงยาง ดินแดนที่เขาได้รับการต้อนรับด้วยความปลาบปลื้ม อย่างไรก็ตาม โต เลิม ประธานาธิบดีเวียดนาม บ่งชี้ถึงความปรารถนายกระดับความร่วมมือด้านกลาโหม
รัสเซีย คือผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ของเวียดนามมานานหลายทศวรรษ แต่คำสั่งซื้อลดระดับลงไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรนานาชาติที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในยูเครน
ทั้ง 2 ฝ่าย ระบุในถ้อยแถลงร่วมว่าความร่วมมือกลาโหมและความมั่นคงระหว่าง 2 ชาติ ไม่ได้คุกคามโดยตรงต่อประเทศที่ 3 ไหนๆ และเป็นการส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพและพัฒนาการที่ยั่งยืนในภูมิภาค
ปูติน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่าการพูดคุยเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ และทั้ง 2 ฝ่ายมีจุดยืนที่ตรงกันหรือใกล้เคียงกันอย่างมาก ในประเด็นระหว่างประเทศสำคัญๆ
การเดินทางทัวร์เอเชียของ ปูติน มีขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป ต่างแถลงมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ ซึ่งมีเป้าหมายควบคุมสงครามของรัสเซียในยูเครน ขณะเดียวกัน ทางกลุ่มจี7 ได้เห็นพ้องใช้ผลกำไรจากทรัพย์สินของรัสเซียที่อายัดไว้ นำไปจัดสรรเป็นเงินกู้รอบใหม่ 50,000 ล้านดอลลาร์ มอบแก่เคียฟ
ในการเดินทางเยือนเกาหลีเหนือเป็นครั้งแรกในรอบ 24 ปี เมื่อวันพุธ (19 มิ.ย.) ปูติน ได้ลงนามในสนธิสัญญายุทธศาสตร์หนึ่งกับ คิม จองอึน ซึ่งในนั้นรวมถึงรับปากเข้าช่วยอีกฝ่ายถ้าถูกโจมตี
วอชิงตันและพันธมิตรเคยกล่าวหาเกาหลีเหนือ จัดหาอาวุธและขีปนาวุธป้อนแก่รัสเซีย สำหรับใช้ทำสงครามในยูเครน และสนธิสัญญาใหม่โหมกระพือความกังวลว่าอาจมีการส่งมอบเพิ่มเติม
(ที่มา : เอเอฟพี)