อิสราเอลเดินหน้าถล่มเมืองราฟาห์ไม่พักในวันพฤหัสบดี (9 พ.ค.) หลังไบเดนขู่ระงับส่งอาวุธให้ถ้ารัฐยิวไม่ยุติแผนบุกภาคพื้นดินเมืองใต้สุดของฉนวนกาซาแห่งนี้ ที่มีพลเรือนปาเลสไตน์หลบภัยอยู่กว่าล้านคน
อิสราเอลเมินเสียงเรียกร้องของสหรัฐฯ และนานาชาติ โดยนอกจากถล่มโจมตีหนักทางอากาศอย่างต่อเนื่องแล้ว ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ยังเริ่มส่งขบวนรถถังเข้าราฟาห์ รวมทั้งบุกค้นเป้าหมายบางแห่งบริเวณจุดผ่านแดนราฟาห์ที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างดินแดนตอนใต้สุดของฉนวนกาซากับดินแดนของอียิปต์ ซึ่งกองทัพรัฐยิวบุกเข้าไปยึดเอาไว้เมื่อวันอังคาร (7) โดยบอกว่าเชื่อว่า เป็นจุดกบดานของนักรบฮามาสกลุ่มสุดท้าย ยิ่งกว่านั้นยังประกาศบังคับให้พลเรือนปาเลสไตน์ราว 80,000 คนอพยพออกจากพื้นที่หลายบริเวณของเมืองนี้ตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์นี้
ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่า มีการโจมตีด้วยปืนใหญ่อย่างหนักเข้าใส่ราฟาห์เมื่อเช้าวันพฤหัสฯ (9) และต่อมากองทัพอิสราเอลแถลงว่า ได้โจมตีที่มั่นของฮามาสในบริเวณตอนกลางของฉนวนกาซาด้วย
ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ข่าวซีเอ็นเอ็นเมื่อวันพุธ (8) ว่า อเมริกาจะหยุดส่งอาวุธไปให้ หากอิสราเอลเดินหน้าปฏิบัติการบุกภาคพื้นดินเข้าสู่ราฟาห์ตามที่ขู่มานาน นอกจากนั้น เขายังกล่าวยอมรับว่า พลเรือนมากมายในกาซาถูกสังหารจากระเบิดที่อเมริกาจัดหาให้อิสราเอล ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
กระนั้น ไบเดนสำทับว่า อเมริกาซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญที่สุดและผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ที่สุดให้แก่อิสราเอล ไม่ได้ยุติการสนับสนุนด้านความมั่นคงของอิสราเอล
พวกผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ในราฟาห์ว่า ตั้งแต่เมื่อเช้าวันอังคาร (7) กองทัพอิสราเอลเคลื่อนกำลังรถถังบุกยึดจุดผ่านแดนในราฟาห์ ซึ่งหมายถึงเป็นการปิดเส้นทางสำคัญในการลำเลียงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่ฉนวนกาซา และทำเนียบขาวได้ออกคำแถลงประณามการกระทำดังกล่าว และต่อมารัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ยืนยันว่า วอชิงตันระงับการจัดส่งระเบิดขนาด 2,000 ปอนด์ จำนวน 1,800 ลูก และขนาด 500 ปอนด์ จำนวน 1,700 ลูกให้อิสราเอลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากอิสราเอลไม่สามารถจัดการคลี่คลายข้อกังวลของอเมริกาเรื่องการบุกราฟาห์
ด้านอิสราเอลได้ออกมาตอบโต้คำขู่ของไบเดนเป็นครั้งแรกเมื่อวันพฤหัสฯ โดย กิลาด เออร์ดาน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำสหประชาชาติ แถลงว่า เป็นเรื่องยากลำบากและน่าผิดหวังมากที่ได้ยินข้อความจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่อิสราเอลรู้สึกขอบคุณมาตลอดนับจากสงครามกาซาเริ่มต้นขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่งมีรายงานว่าทั้ง อเมริกา อียิปต์ และกาตาร์ ยังคงพยายามอย่างยิ่งในการผลักดันการเจรจาทางอ้อมเพื่อทำข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกลุ่มฮามาสกับอิสราเอล โดยที่การเจรจารอบนี้ซึ่งกระทำที่กรุงไคโร เมืองหลวงของอียิปต์ ได้ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่วันอังคาร
สำนักข่าวอัล-กาเฮรา ที่มีความเชื่อมโยงกับหน่วยข่าวกรองอียิปต์ รายงานเมื่อวันพฤหัสฯ โดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวผู้หนึ่งว่า ประเด็นขัดแย้งหลายอย่างได้รับการแก้ไขแล้วและมีสัญญาณว่า ทั้งสองฝ่ายอาจบรรลุข้อตกลงหยุดยิง
ทว่า เมื่อคืนวันพุธ อิซซัต เอล-เรชิก สมาชิกฝ่ายการเมืองของกลุ่มฮามาส ซึ่งลี้ภัยอยู่ในกาตาร์ แถลงว่า ฮามาสจะไม่ยอมประนีประนอมมากไปกว่าข้อเสนอหยุดยิงที่ประกาศยอมรับไปตั้งแต่วันจันทร์ (7) พร้อมกล่าวหาอิสราเอลไม่ต้องการให้ข้อตกลงบรรลุผล แต่หวังใช้การเจรจาเพื่อปกปิดการบุกราฟาห์และยึดจุดผ่านแดน
ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ฮามาสยังเตือนว่า การเจรจาในไคโรเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับอิสราเอลในการช่วยเหลือตัวประกัน
ทางด้านอิสราเอลประกาศเมื่อต้นสัปดาห์ว่า ไม่ยอมรับข้อเสนอหยุดยิง 3 ขั้นตอนที่ฮามาสอนุมัติ เนื่องจากมีการลดทอนเงื่อนไขบางอย่างที่ฝ่ายตนกำหนดเอาไว้
การเจรจาหยุดยิงที่ยืดเยื้อมาหลายเดือนแล้วนี้ นอกจากส่งผลต่อการช่วยเหลือตัวประกันอิสราเอลและการปล่อยนักโทษปาเลสไตน์แล้ว ยังกระทบต่อชะตากรรมของชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา
เจมส์ สมิธ แพทย์ฉุกเฉินคนหนึ่งที่ทำงานในเมืองราฟาห์ และเมืองข่านยูนิส ซึ่งอยู่ติดกัน เผยว่า สถานการณ์ด้านสาธารณสุขในกาซาเข้าขั้นหายนะ
ขณะที่ เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) แถลงเมื่อวันพุธว่า โรงพยาบาลในบริเวณตอนใต้ของกาซาเหลือเชื้อเพลิงใช้เพียง 3 วันเนื่องจากการปิดจุดผ่านแดน ซึ่งหากเชื้อเพลิงหมด ปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมทั้งหมดก็จะยุติลงด้วย