กองทัพอิสราเอลประกาศเมื่อวันจันทร์ (6 พ.ค.) ให้ชาวปาเลสไตน์เรือนแสนอพยพออกจากด้านตะวันออกของเมืองราฟาห์ ซึ่งดูเหมือนเป็นการเตรียมการสำหรับปฏิบัติการบุกภาคพื้นดินเข้าสู่เมืองนี้ที่มีพลเรือนหลบภัยอยู่กว่าล้านคน ขณะพวกเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือในกาซาระบุว่า เครื่องบินไอพ่นรัฐยิวได้เข้าถล่มโจมตีพื้นที่ 2 แห่งที่ระบุในคำเตือนให้อพยพแล้ว
ชาวปาเลสไตน์บางส่วนเริ่มเก็บข้าวของและออกเดินทางหลังได้รับแจ้งทางข้อความตัวอักษร โทรศัพท์ และใบปลิวภาษาอาหรับ ให้อพยพไปยัง “เขตมนุษยธรรมที่ได้รับการขยายออกไป” ตามที่อิสราเอลระบุ ซึ่งอยู่ห่าง 20 กิโลเมตรจากเมืองราฟาห์ ที่เป็นเมืองทางตอนใต้สุดของฉนวนกาซา
ขณะที่หน่วยงานป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนของกาซา และพวกเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือกล่าวในวันจันทร์ (6) ว่า เครื่องบินไอพ่นของกองทัพอิสราเอลได้เข้าถล่มโจมตีเขตอัล-ชูกา และอัล-ซาลาม นอกเหนือจากพื้นที่อื่นๆ แล้ว โดยพื้นที่ทั้ง 2 แห่งนี้ถูกระบุในประกาศของอิสราเอลเมื่อวันอาทิตย์ (5) ให้ประชาชนปาเลสไตน์อพยพออกไปเสีย
กองทัพอิสราเอลระบุว่า การอพยพชั่วคราวแบบจำกัดจะเน้นพื้นที่ด้านตะวันออกของราฟาห์ โดยมีเป้าหมายเพื่อนำพลเรือนราว 100,000 คนออกจากพื้นที่อันตราย และการประกาศนี้เกิดขึ้นหลังมีการโจมตีด้วยจรวดซึ่งกองทัพอิสราเอลระบุว่า มาจากพื้นที่ใกล้ราฟาห์และทำให้ทหารอิสราเอลเสียชีวิต 4 นาย
สำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ หรือ UNRWA ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ของสหประชาชาติ เตือนว่า การบุกราฟาห์ที่มีผู้หลบภัยอยู่ราว 1.4 ล้านคน จะทำให้พลเรือนบาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้น และสำทับว่า ยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอจะประจำอยู่ในราฟาห์นานที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อจัดหาความช่วยเหลือให้แก่พลเรือน
ทางด้านออสซามา อัล-คาห์ลุต ผู้แทนของสมาคมเสี้ยววงเดือนแดงปาเลสไตน์ทางด้านตะวันออกของราฟาห์ บอกว่า พื้นที่ที่อิสราเอลต้องการให้พลเรือนอพยพไปอยู่นั้นมีผู้หลบภัยอยู่แล้วราว 250,000 คน
อาบู ซูฮ์รี เจ้าหน้าที่อาวุโสของฮามาส ประกาศว่า คณะบริหารของอเมริกาและอิสราเอลจะต้องรับผิดชอบกับพฤติการณ์แบบการก่อการร้ายนี้ ซึ่งหมายถึงการอพยพชาวปาเลสไตน์ออกจากราฟาห์ที่คาดว่า เป็นการเตรียมการเพื่อบุกภาคพื้นดินเข้าสู่เมืองนี้
แผนการบุกราฟาห์ซึ่งทางการรัฐยิวประกาศยืนกรานว่าจะต้องกระทำมาระยะหนึ่งแล้วนั้น ทำให้เกิดรอยร้าวระหว่างอิสราเอลกับสหรัฐฯ ผู้เป็นพันธมิตรสำคัญ
วันศุกร์ที่ผ่านมา (3) แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า อิสราเอลยังไม่ได้เสนอแผนการที่น่าเชื่อถือในการปกป้องพลเรือน ซึ่งหากปราศจากแผนการดังกล่าว วอชิงตันไม่สามารถสนับสนุนปฏิบัติการทางทหารในราฟาห์ได้
กระนั้น ในเวลาต่อมา โยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล บอกกับลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ว่า การอพยพพลเรือนในราฟาห์สืบเนื่องจากกลยุทธ์การทูตทางอ้อมถึงทางตัน เพราะฮามาสยังไม่ยอมรับกรอบโครงการปล่อยตัวประกัน และย้ำว่า ปฏิบัติการทางทหารมีความจำเป็น ซึ่งรวมถึงในราฟาห์ เนื่องจากไม่มีทางเลือกอื่น
การสั่งอพยพพลเรือนในราฟาห์เกิดขึ้นหลังจากเมื่อคืนวันอาทิตย์ (5 พ.ค.) อิสราเอลโจมตีทางอากาศทำให้มีผู้เสียชีวิตในเมืองนี้ 16 คน ภายหลังที่กลุ่มฮามาสระดมยิงจรวดโจมตีจุดผ่านแดนเคเรม ชาลอม ที่กั้นระหว่างตอนใต้ของอิสราเอลกับฉนวนกาซา ส่งผลให้ทหารอิสราเอลที่เฝ้าเครื่องจักรกลหนัก รถถัง และรถเกลี่ยดินเสียชีวิต 4 นาย และบาดเจ็บอีกนับสิบ
การโจมตีดังกล่าวทำให้อิสราเอลสั่งปิดด่านเคเรม ซาลอม ที่ใช้ในการลำเลียงความช่วยเหลือเข้าสู่กาซา และตอบโต้ด้วยการทำลายแท่นยิงจรวดของฮามาส
เวลาเดียวกัน ความเคลื่อนไหวทางการทูตเพื่อผลักดันการเจรจาหยุดยิงในไคโรยังคงไร้ผลเมื่อวันอาทิตย์ สำนักข่าวอัล-อาเฮราที่มีสายสัมพันธ์กับหน่วยข่าวกรองอียิปต์ รายงานว่า ตัวแทนของฮามาสจะเดินทางไปหารือต่อที่กรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์ในวันจันทร์ก่อนกลับไปยังไคโรในวันรุ่งขึ้น
นอกจากนั้น ยังคาดว่า บิลล์ เบิร์นส์ ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ (ซีไอเอ) จะพบกับนายกรัฐมนตรีกาตาร์เพื่อหารือฉุกเฉินเกี่ยวกับการผลักดันการเจรจาหยุดยิงที่โดฮาในวันจันทร์
ทั้งนี้ แม้อิสราเอลไม่ได้ส่งตัวแทนไปร่วมประชุมที่ไคโรเมื่อวันอาทิตย์ แต่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ได้ส่งสารชัดเจนระหว่างการปราศรัยเพื่อรำลึกเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่เยรูซาเลมในวันเดียวกันว่า อิสราเอลจะไม่ยอมยุติสงครามซึ่งเท่ากับเป็นการยอมแพ้ตามที่ฮามาสเรียกร้อง
ด้านอิสมาอิล ฮานิเยห์ ผู้นำฝ่ายการเมืองของฮามาสในกาตาร์ กล่าวหาว่า เนทันยาฮูต่างหากที่เป็นฝ่ายทำลายการเจรจาหยุดยิง
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์)