โจมตีทางอากาศถล่มหนักเคียฟ-ลวิฟ โปแลนด์สะดุ้งสั่งเฝ้าระวังเตรียมพร้อม

เอเอฟพี - รัสเซียโจมตีทางอากาศใส่กรุงเคียฟและภูมิภาคลวิฟทางตะวันตกของยูเครนระลอกใหญ่เมื่อเช้าวันอาทิตย์ (24 มี.ค.) ขณะที่กองทัพโปแลนด์ยกระดับการเตรียมพร้อมและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

รัสเซียและยูเครนผลัดกันโจมตีทางอากาศอย่างรุนแรง และเหตุการณ์ล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันเสาร์ (23 มี.ค.) กองทัพมอสโกเพิ่งอวดอ้างว่า ยึดหมู่บ้านอิวานิฟสกีทางตะวันตกของเมืองบัคมุตได้

วิตาลี คลิตช์โก นายกเทศมนตรีเคียฟ โพสต์บนแอปเทเลแกรมเมื่อวันอาทิตย์ว่า เกิดเหตุระเบิดในเมืองหลวง และแจ้งให้ประชาชนงดออกจากที่หลบภัย ทางด้าน แมคซิม โคซิตสกี ผู้ว่าการภูมิภาคลวีฟ ระบุว่า เขตซาตรีทางใต้ของเมืองลวีฟใกล้ชายแดนโปแลนด์ถูกโจมตีเช่นเดียวกัน

ก่อนหน้านั้นยูเครนเตือนภัยทางอากาศทั่วประเทศว่า รัสเซียอาจโจมตีด้วยขีปนาวุธร่อนโดยใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดทียู-95 เอ็มเอส แต่ยกเลิกประกาศเตือนหลังจากนั้น 2 ชั่วโมง

เซอร์กี ป็อปโค หัวหน้าสำนักงานการทหารของเคียฟ ระบุว่า การโจมตีในวันอาทิตย์เป็นการโจมตีช่วงก่อนฟ้าสางระลอกที่ 3 ในรอบ 4 วัน โดยรายงานเบื้องต้นบ่งชี้ว่า ไม่มีผู้เสียชีวิตและไม่มีความเสียหาย และระบบป้องกันภัยทางอากาศสามารถสกัดขีปนาวุธได้กว่า 10 ลูก

บริดเจ็ต บริงค์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเครน ตั้งข้อสังเกตว่า รัสเซียโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธถี่ขึ้นโดยไม่คำนึงถึงพลเรือนนับล้านและกฎหมายระหว่างประเทศ

ที่เมืองลวีฟ นายกเทศมนตรีแอนดริว ซาโดวี เผยว่า รัสเซียโจมตีด้วยขีปนาวุธ 20 ลูกและโดรนชาเฮดของอิหร่านราว 7 ลำ โดยเป้าหมายอยู่ที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ

ขณะเดียวกัน กองบัญชาการปฏิบัติการกองทัพโปแลนด์ (อาร์เอสแซด) ยกระดับการเตรียมพร้อมเพื่อรักษาความปลอดภัยน่านฟ้าและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากรัสเซียมีการเคลื่อนไหวด้านการบินระยะไกลเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อคืนวันเสาร์ รวมทั้งยังมีการโจมตีด้วยขีปนาวุธในยูเครน

ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียและยูเครนโจมตีกันทางอากาศมากขึ้น เคียฟที่ประสบปัญหาด้านอาวุธและกำลังพลหลังจากรบมากว่า 2 ปี ให้สัญญาล้างแค้นด้วยการทำให้การสู้รบลุกลามเข้าสู่ดินแดนรัสเซีย

วันเสาร์มีการโจมตีทางอากาศภูมิภาคเบลโกร็อดของรัสเซียที่ติดกับยูเครนหลายระลอก ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บอย่างน้อย 7 คน

นอกจากนี้ ยังมีการโจมตีโรงกลั่นใหญ่ในภูมิภาคซามาราทางตะวันออกของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นการโจมตีอุตสาหกรรมพลังงานของรัสเซียครั้งล่าสุด

รัสเซียยังแถลงเมื่อคืนวันเสาร์ว่า สามารถสกัดขีปนาวุธยูเครนที่ระดมยิงเมืองเซวาสโทโปลในไครเมียที่มอสโกเข้าผนวกตั้งแต่ปี 2014 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน และบาดเจ็บ 4 คน ซึ่งมิคาอิล ราซโวซาเยฟ ผู้ว่าการภูมิภาคเซวาสโทโปลระบุว่า เป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุด

ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กองกำลังรัสเซียเข้ายึดชุมชนหลายแห่งในแนวรบ เช่น เมืองอัฟดิอิฟกาใกล้โดเนตสก์เมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการยึดดินแดนขนาดใหญ่ครั้งแรกนับจากที่ตีเมืองบัคมุตแตกเมื่อ 10 เดือนก่อน ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ยกย่องความสำเร็จดังกล่าวว่า เป็นสัญญาณว่ากองทัพรัสเซียกลับมาเปิดฉากบุกครั้งใหม่

นอกจากนั้น ปูตินยังพยายามโยงเคียฟกับการโจมตีคอนเสิร์ตฮอลล์ในมอสโกเมื่อวันศุกร์ (22 มี.ค.) ที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 133 คน โดยระบุว่า ผู้ก่อเหตุ 4 คนถูกจับกุมระหว่างเดินทางมุ่งหน้าสู่ยูเครน แต่เคียฟยืนกรานว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว แต่รัสเซียพยายามหาข้ออ้างเพื่อทำสงครามต่อ ส่วนอเมริกาขานรับว่า ไม่มีสัญญาณว่า ยูเครนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้น