ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุกลุ่มมือปืนบุกกราดยิงและวางเพลิงคอนเสิร์ตวงร็อกที่ชานกรุงมอสโกเมื่อวันศุกร์ (22 มี.ค.) เพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 60 คน และมีผู้บาดเจ็บอีก 145 คน โดยกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม (ไอเอส) ได้ออกมาประกาศอ้างความรับผิดชอบ ขณะที่สหรัฐฯ เผยได้รับข่าวกรองเตือนล่วงหน้าว่าจะมีเหตุโจมตีเกิดขึ้น และได้เตือนพลเมืองอเมริกันให้เดินทางออกจากรัสเซีย หรือหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีการรวมคนจำนวนมาก ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
ในการโจมตีครั้งเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับรัสเซียนับตั้งแต่เหตุการณ์ที่พวกอิสลามิสต์จับครูและนักเรียนกว่า 1,000 คนเป็นตัวประกันที่โรงเรียนเบสลัน (Beslan School) เมื่อปี 2004 กลุ่มมือปืนได้สาดกระสุนเข้าใส่ประชาชนที่เข้าชมคอนเสิร์ตวง “ปิกนิก” ซึ่งเป็นวงร็อกยุคโซเวียต ภายใน “โครคัส ซิตี้ ฮอลล์” ซึ่งเป็นฮอลล์คอนเสิร์ตทางตะวันตกของกรุงมอสโกที่จุผู้เข้าชมได้ถึง 6,200 คน
ภาพจากคลิปวิดีโอที่ผ่านการยืนยันแล้วจะเห็นผู้คนเข้าไปนั่งในฮอลล์คอนเสิร์ต จากนั้นก็พากันวิ่งกรูไปยังทางออกต่างๆ ท่ามกลางเสียงปืนที่ดังขึ้นต่อเนื่องและเสียงหวีดร้องของผู้คน นอกจากนี้ ยังมีคลิปที่กลุ่มชายฉกรรจ์กราดยิงเข้าใส่ฝูงชน และมีเหยื่อบางคนนอนแน่นิ่งจมกองเลือด
พนักงานสอบสวนรัสเซียออกมายืนยันตัวเลขผู้เสียชีวิต ณ ขณะนี้มากกว่า 60 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรายงานยอดผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 145 คน ในจำนวนนี้มีอยู่ราวๆ 60 คนที่อาการสาหัส
ทำเนียบเครมลินระบุว่า ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน กำลังติดตามข้อมูลอัปเดตสถานการณ์จากบรรดาหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคง รวมถึงอเล็กซานเดอร์ บอร์ตนิคอฟ ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงกลางของรัสเซีย (FSB)
พนักงานสอบสวนรัสเซียยังได้เผยแพร่ภาพปืนไรเฟิลคาลาชนิคอฟอัตโนมัติ 1 กระบอกซึ่งเป็นอาวุธของกลุ่มคนร้าย รวมถึงเสื้อกั๊กที่มีกระสุนสำรอง และกระเป๋าที่เต็มไปด้วยเครื่องกระสุนอีกจำนวนมาก
สำนักข่าวอามัก (Amaq) ของกลุ่มไอเอสได้แถลงยืนยันผ่านเทเลแกรมว่า นักรบไอเอสอยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีคอนเสิร์ตที่ชานกรุงมอสโก โดยได้ “สังหารและทำให้ผู้คนบาดเจ็บไปหลายร้อยคน รวมถึงสร้างความเสียหายรุนแรงต่อสถานที่ ก่อนจะถอนกำลังกลับสู่ที่ตั้งอย่างปลอดภัย”
สื่อรัสเซียบางสำนักได้เผยแพร่ภาพชาย 2 คนที่คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนร้ายขับขี่ยานพาหนะสีขาว โดยขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลว่ามือปืนถูกจับกุมได้หรือไม่อย่างไร เนื่องจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องรับมือกับเหตุไฟไหม้รุนแรงที่เกิดขึ้น และหน่วยฉุกเฉินก็ต้องเร่งอพยพผู้ชมคอนเสิร์ตออกมา และมีรายงานว่าหลังคาคอนเสิร์ตฮอลล์บางส่วนพังถล่มลงมาด้วย
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งออกมาให้ข้อมูลวานนี้ (22) ว่า รัฐบาลอเมริกันได้รับข่าวกรองยืนยันว่าเหตุการณ์นี้เป็นฝีมือกลุ่มไอเอสจริง และวอชิงตันเคยเตือนมอสโกล่วงหน้าไปแล้วหลายสัปดาห์ว่าอาจจะเกิดเหตุโจมตีขึ้น
“เราได้มีการแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่รัสเซียไปแล้วอย่างเหมาะสม” เจ้าหน้าที่ผู้ไม่ประสงค์ออกนามระบุ และไม่ขอให้รายละเอียดเพิ่มเติม
เหตุกราดยิง โครคัส ซิตี้ ฮอลล์ ซึ่งอยู่ห่างจากทำเนียบเครมลินไปเพียง 20 กิโลเมตรเกิดขึ้นเพียงราวๆ 2 สัปดาห์ หลังจากที่สถานทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงมอสโกได้ออกคำเตือนว่าจะมี “กลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่ง” วางแผนก่อเหตุโจมตีภายในกรุงมอสโก
ก่อนที่สถานทูตอเมริกันจะออกคำเตือนแค่ไม่กี่ชั่วโมง FSB ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลงานด้านข่าวกรองต่อจากองค์กรสายลับ KGB ในยุคสหภาพโซเวียตของรัสเซีย ประกาศว่าสามารถสกัดแผนของเครือข่ายไอเอสในอัฟกานิสถานที่เตรียมโจมตีโบสถ์ยิวแห่งหนึ่งในกรุงมอสโก
FSB ระบุว่า เครือข่าย IS กลุ่มนี้ปฏิบัติการอยู่ในภูมิภาคคาลูกา (Kaluga) ของรัสเซีย โดยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ISIS-Khorasan ซึ่งมีเป้าหมายสถาปนารัฐคอลีฟะห์ที่ปกครองด้วยกฎหมายอิสลามขึ้นในพื้นที่แถบอัฟกานิสถาน ปากีสถาน เติร์กเมนิสถาน ทาจิกิสถาน อุซเบกิสถาน และอิหร่าน
ปูติน ได้ทำให้สงครามกลางเมืองซีเรียเปลี่ยนทิศทางด้วยการเข้าแทรกแซงในปี 2015 โดยช่วยหนุนหลังรัฐบาลประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ต่อสู้กับพวกฝ่ายค้าน รวมถึงกลุ่มไอเอสด้วย
คอลิน คลาร์ก ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ Soufan Center ระบุว่า “ISIS-K จ้องหาโอกาสโจมตีรัสเซียมาตลอด 2 ปี และสื่อโฆษณาชวนเชื่อของพวกเขาก็มักจะมีการวิพากษ์วิจารณ์ ปูติน ด้วยเสมอ”
มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ระบุว่า นี่คือ “การก่อการร้ายนองเลือด” ที่ผู้คนทั่วโลกสมควรร่วมกันประณาม
สหรัฐฯ รวมถึงบรรดาชาติในยุโรป กลุ่มรัฐอาหรับ และอดีตรัฐในสหภาพโซเวียต ต่างแสดงความตกตะลึงและส่งสารแสดงความเสียใจไปยังรัสเซียเกี่ยวกับเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น ขณะที่ มีไคโล โปโดลยัค ที่ปรึกษาของประธานาธิบดียูเครน ยืนยันว่างานนี้เคียฟ “ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง”
ที่มา : รอยเตอร์