สถานทูตสหรัฐฯ ประจำรัสเซียประกาศเตือนพลเมืองอเมริกันให้รีบเดินทางออกจากแดนหมีขาว เนื่องจากมี “กลุ่มหัวรุนแรง” (extremists) ที่เตรียมก่อเหตุโจมตีกรุงมอสโก โดยคำเตือนดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่หน่วยงานความมั่นคงรัสเซียออกมาระบุว่าสามารถสกัดแผนกราดยิงโบสถ์ยิวแห่งหนึ่งโดยกลุ่มติดอาวุธเครือข่ายรัฐอิสลาม (IS) ในอัฟกานิสถาน
สถานทูตสหรัฐฯ ซึ่งเคยเตือนชาวอเมริกันให้เดินทางออกจากรัสเซียมาแล้วหลายหน ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ขอให้พลเมืองสหรัฐฯ หลีกเลี่ยงคอนเสิร์ตหรือสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน รวมถึงให้หมั่นสังเกตสังกาสิ่งผิดปกติรอบตัว
“สถานทูตกำลังเฝ้าติดตามรายงานข่าวที่ว่า มีกลุ่มหัวรุนแรงซึ่งเตรียมวางแผนโจมตีอีเวนต์ที่มีการรวมคนจำนวนมากๆ ในมอสโก เช่น คอนเสิร์ต เป็นต้น และขอแนะนำให้พลเมืองสหรัฐฯ หลีกเลี่ยงสถานที่รวมคนภายในช่วง 48 ชั่วโมงข้างหน้า” คำเตือนที่เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์สถานทูตเมื่อวานนี้ (8 มี.ค.) ระบุ
ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง หน่วยงานความมั่นคงกลางของรัสเซีย (FSB) ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ดูแลงานด้านข่าวกรองต่อจากองค์กรสายลับ KGB ในยุคสหภาพโซเวียต ระบุว่าสามารถสกัดแผนของกลุ่มติดอาวุธนิกายสุหนี่เครือข่าย IS ที่เตรียมโจมตีโบสถ์ยิวแห่งหนึ่งในกรุงมอสโก
ทั้งนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าถ้อยแถลงของ FSB และคำเตือนจากสถานทูตสหรัฐฯ มีความเชื่อมโยงใดๆ กันหรือไม่
ขณะเดียวกัน บรรดาชาติพันธมิตรสหรัฐฯ อย่างอังกฤษ แคนาดา เกาหลีใต้ และลัตเวีย ก็ได้แจ้งเตือนพลเมืองของตนเองให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปรัสเซียเช่นกัน
ชาติตะวันตกส่วนใหญ่ล้วนเตือนพลเมืองของตนให้งดเดินทางไปรัสเซียทุกกรณี และขอให้ผู้ที่ยังคงพำนักอยู่ที่นั่นรีบเดินทางออกมาเสีย
สหรัฐฯ ได้ออกคำเตือนการเดินทางขั้นที่ 4 หรือ “ห้ามเดินทาง” (do not travel) สำหรับรัสเซีย ซึ่งเป็นระดับเดียวกับอัฟกานิสถาน ซีเรีย เยเมน ซูดานใต้ และอิหร่าน
FSB ระบุว่า เครือข่าย IS กลุ่มนี้ปฏิบัติการอยู่ในภูมิภาคคาลูกา (Kaluga) ของรัสเซีย โดยเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ISIS-Khorasan ซึ่งมีเป้าหมายสถาปนารัฐคอลีฟะห์ที่ปกครองด้วยกฎหมายอิสลามขึ้นในพื้นที่แถบอัฟกานิสถาน ปากีสถาน เติร์กเมนิสถาน ทาจิกิสถาน อุซเบกิสถาน และอิหร่าน
ที่มา : รอยเตอร์