รัสเซียประกาศในวันอาทิตย์ (18 ก.พ.) สามารถเข้าควบคุมเมืองอัฟดิอิฟกา ทางภาคตะวันออกของยูเครนโดยสมบูรณ์ หลังเคียฟถอนทหารจากที่มั่นเพื่อรักษาชีวิตกำลังพล ด้านทำเนียบขาวแถลงอ้างเหตุการณ์นี้ตอกย้ำความจำเป็นที่คองเกรสควรเร่งอนุมัติเงินช่วยเหลือยูเครน ขณะที่ไบเดนยืนยันกับเซเลนสกีว่า จะต่อสู้เพื่อให้ยูเครนได้อาวุธและเครื่องกระสุนที่จำเป็น
การตีอัฟดิอิฟกาแตกในครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ภายหลังจากพวกเขาเข้ายึดเมืองบัคมุต ซึ่งก็อยู่ในแคว้นโดเนตสก์เช่นเดียวกัน เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2023 และเกิดขึ้นในช่วงเวลาเกือบครบรอบ 2 ปีนับแต่ที่ประธานาธิบดีจุดชนวนสงครามเต็มขั้นขึ้นด้วยด้วยการสั่งกองทัพบุกรุกรานยูเครน
กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า กองทหารของฝ่ายตนสามารถบุกคืบหน้าไปได้ 8.6 กิโลเมตรในบริเวณดังกล่าวของเส้นแนวหน้าระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งมีความยาวทั้งหมดราวๆ 1,000 กิโลเมตร และทหารรัสเซียกำลังรุกต่อไปอีกหลังจากทำการสู้รบอย่างนองเลือดในเขตตัวเมืองอัฟดิอิฟกามาเป็นแรมเดือน ซึ่งทำให้เมืองนี้อยู่ในสภาพแทบเป็นกองปรักหักพังไปทั้งเมือง
ทางกระทรวงออกมาแถลงตั้งแต่วันเสาร์ (17) ว่า รัฐมนตรีกลาโหม เซียร์เก ชอยกู ได้แจ้งข่าวความคืบหน้าดังกล่าวต่อประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแล้ว และต่อมา ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินบอกว่า ปูตินแสดงความยินดีกับทหารและนักรบสำหรับชัยชนะครั้งสำคัญครั้งนี้
ขณะที่ทางฝ่ายยูเครนระบุในตอนเช้าวันเสาร์ว่า กองทัพยูเครนที่ขาดแคลนกระสุนและมีกำลังพลน้อยกว่าได้ถอนทหารออกจากเมืองอัฟดิอิฟกาแล้ว เพื่อรักษากำลังเอาไว้ไม่ให้ถูกปิดล้อมอย่างสมบูรณ์จากฝ่ายรัสเซีย
กระนั้นก็ตาม รัสเซียบอกว่ายังคงมีกองกำลังฝ่ายยูเครนบางส่วนที่ยังยึดที่มั่นอยู่ภายในโรงงานถ่ายหินโค้กของอัฟดิอิฟกา โรงงานแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยโซเวียตและครั้งหนึ่งเคยมีฐานะเป็นหนึ่งในโรงงานชนิดนี้ที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป
“กำลังมีการใช้มาตรการต่างๆ เพื่อเคลียร์พื้นที่เมืองนี้ให้ปลอดจากพวกนับรบติดอาวุธอย่างสมบูรณ์ รวมทั้งเพื่อสกัดกั้นหน่วยกำลังชาวยูเครนที่ได้ถอยออกจากเมือง และวางแนวป้องกันอยู่ที่โรงงานโค้กและเคมีภัณฑ์อัฟดิอิฟกา” โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย อีกอร์ โคนาเชนคอฟ แถลง
การสู้รบในเมืองอัฟดิอิฟกา ที่อยู่ห่างไม่ถึง 10 กิโลเมตรจากเมืองโดเนตสก์ เมืองเอกของแคว้นชื่อเดียวกัน ซึ่งอยู่ในความควบคุมของรัสเซีย กลายเป็นหนึ่งในการสู้รบที่นองเลือดที่สุดในรอบเกือบ 2 ปีนับจากที่รัสเซียรุกรานยูเครน มอสโกยังหวังว่า การยึดเมืองนี้ได้จะทำให้ยูเครนเข้าโจมตีเมืองโดเนตสก์ได้ยากขึ้น
ความสำเร็จนี้ยังเป็นกำลังใจอย่างดีสำหรับรัสเซียก่อนจะถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนหน้าที่ปูตินลงสมัครอีกสมัยและเกือบแน่นอนแล้วว่าจะเป็นผู้ชนะ
ในวันเสาร์ (17) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ไปพูดในงานประชุมความมั่นคงประจำปี ที่เมืองมิวนิก เยอรมนีว่า ความสามารถในการปกป้องประชาชนเป็นภารกิจสำคัญที่สุดสำหรับรัฐบาลยูเครน และเพื่อป้องกันการถูกปิดล้อม กองทัพจึงตัดสินใจถอนทหารออกจากเมืองอัฟดิอิฟกาไปยังแนวรบอื่นๆ แทน เขาอ้างว่านี่ไม่ได้หมายความว่า ยูเครนเสียดินแดนให้รัสเซีย
ก่อนหน้านั้น โอเลคซานดร์ ซีร์สกี ผู้บัญชาการคนใหม่ของกองทัพยูเคร เผยเช่นกันว่า ตัดสินใจถอนทหารออกจากเมืองอัฟดิอิฟกาและส่งไปปกป้องแนวรบอื่นที่ยูเครนได้เปรียบมากกว่าแทน
ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโสของกองทัพยูเครนระบุว่า ทหารยูเครนจำนวนหนึ่งถูกจับกุมระหว่างการสู้รบ
เหตุการณ์นี้ถือเป็นการตัดสินใจสำคัญครั้งแรกของซีร์สกี นับจากได้รับแต่งตั้งเข้ารับตำแหน่งใหม่ อีกทั้งเกิดขึ้นขณะที่ยูเครนถูกกดดันหนักยิ่งขึ้นในแนวรบทางด้านตะวันออกของยูเครน โดยที่เคียฟกำลังร้องอุทธรณ์ว่าตกอยู่ในภาวะขาดแคลนเครื่องกระสุนอย่างสาหัส โดยเฉพาะกระสุนปืนใหญ่และจรวด สืบเนื่องจากการที่งบช่วยเหลือทางทหารของอเมริกามูลค่ากว่า 60,000 ล้านดอลลาร์ ถูกดองเอาไว้อยู่ในรัฐสภาสหรัฐฯ
เอเดรียนน์ วัตสัน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวว่า การถอยร่นครั้งล่าสุดของเคียฟ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่คองเกรสนิ่งดูดายซึ่งบีบให้ทหารยูเครนต้องปันส่วนเครื่องกระสุน และรัสเซียมีความคืบหน้าสำคัญครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม เซเลนสกียังมองแง่ดีหลังจากได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระหว่างที่เขาอยู่ที่มิวนิก โดยแสดงความเชื่อมั่นว่า รัฐสภาสหรัฐฯ จะตัดสินใจอย่างฉลาด
เช่นเดียวกับไบเดนเองที่แถลงในสหรัฐฯ โดยแสดงความมั่นใจว่า รัฐสภาจะผ่านร่างงบประมาณความช่วยเหลือยูเครน และสำทับว่า ความล้มเหลวในการผ่านร่างดังกล่าวจะถือว่า ไร้สาระและไร้จริยธรรม และตนจะต่อสู้เพื่อให้ยูเครนได้อาวุธและกระสุนที่จำเป็น
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)