ยูเครนระบุในวันพุธ (14 ก.พ.) ว่าสามารถทำลายเรือรบรัสเซียได้อีกลำหนึ่งที่ทะเลดำ ขณะที่ผู้บัญชาการกองทัพคนใหม่ของเคียฟกล่าวเตือนว่า สถานการณ์ที่แนวหน้าของการสู้รบกับรัสเซียเวลานี้ “ยากลำบากอย่างยิ่ง” โดยที่ความช่วยเหลือทางทหารสหรัฐฯซึ่งชะงักงันมาเป็นแรมเดือน ยังคงอยู่ในสภาพลูกผีลูกคน ว่าจะผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาได้ไหมและได้เมื่อใด ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากฝ่ายรีพับลิกันซึ่งมีโดนัลด์ ทรัมป์ คอยชักใยอยู่
สำนักงานข่าวกรองทางทหาร (GUR) ของยูเครนและกองกำลังอาวุธที่สังกัดหน่วยนี้ แถลงในวันพุธ (14) ว่า พวกเขาสามารถ “ทำลาย” เรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ ที่มีชื่อว่า “ซีซาร์ คูนิคอฟ” ของกองทัพเรือรัสเซียได้สำเร็จ ในการโจมตีโดยใช้โดรนนาวีหลายลำที่ทะเลดำ
GUR อ้างว่า การโจมตีทำให้เกิดรูที่มีความสำคัญขั้นเป็นตายหลายๆ รูบริเวณด้านซ้ายของเรือรัสเซียลำนี้ และเรือก็เริ่มจมลงทะเล ทั้งนี้ยูเครนอ้างว่านี่เป็นเรือรบรัสเซียลำที่ 25 แล้วที่ฝ่ายตนทำลายได้นับแต่สงครามคราวนี้เริ่มต้นขึ้น
ในวันเดียวกัน พลโทโอเลคซานดร์ ซีร์สกี ผู้เพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกองทัพยูเครนคนใหม่ กล่าวขณะไปเยือนแนวรบในภาคตะวันออกของประเทศเป็นครั้งแรกนับแต่ครองตำแหน่งใหม่ว่า สภาพแวดล้มสำหรับการปฏิบัติการของกองทหารยูเครน อยู่ในสภาพที่สลับซับซ้อนและตึงเครียดเป็นอย่างยิ่ง
“รัสเซียผู้ยึดครองยังคงเพิ่มความพยายามของพวกเขา และมีความได้เปรียบในเรื่องจำนวนบุคลากร”
ตามรายงานของยูเครน ซีร์สกี ซึ่งเดินทางไปพร้อมกับรัฐมนตรีกลาโหม รัสเตม อูเมรอฟ ได้ไปเยี่ยมกองทหารที่กำลังสู้รบอยู่รอบๆ เมืองอัฟดิอิฟกา ซึ่งกำลังเป็นจุดร้อนจุดโฟกัสของสงครามในยูเครนขณะนี้ โดยที่รัสเซียกำลังใช้ความพยายามครั้งใหญ่เพื่อยึดเมืองนี้ และได้เข้าล้อมเอาไว้จาก 3 ด้านด้วยกัน
โฆษกกองทัพยูเครน ดมิโตรลิโคอวีย์ กล่าวในวันพุธว่า รัสเซียใช้กำลังทหารถึง 50,000 คนโอบล้อมรอบๆ เมืองนี้
“เรากำลังทำทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าศึกบุกลึกเข้ามาในดินแดนของเรา” ซีร์สกี กล่าวในโพสต์ๆ หนึ่งทางโซเชียลมีเดีย เขากล่าวต่อไปว่า กองทหารยูเครนกำลังปฏิบัติการใน “เงื่อนไขที่ยากลำบากอย่างยิ่ง”
งบช่วยเหลือกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์จากสหรัฐฯ
ซีร์สกี มองสถานการณ์อย่างมัวมนเช่นนี้ ขณะที่ร่างกฎหมายของสหรัฐฯซึ่งมุ่งจัดสรรงบช่วยเหลือก้อนใหม่ให้แก่ยูเครนมูลค่ากว่า 60,000 ล้านดอลลาร์ ยังคงอยู่ในสภาพลูกผีลูกคน ถึงแม้ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาแล้วเมื่อวันอังคาร (13) ด้วยคะแนนท่วมท้น เนื่องจากประธานสภาผู้แทนราษฎรประกาศชัดเจนไม่คิดนำร่างนี้เข้าสู่การพิจารณาของสภาล่าง ถึงแม้ “ไบเดน” ย้ำว่าการอนุมัติเงินก้อนนี้สำคัญอย่างยิ่งต่อการยืนหยัดสู้กับเผด็จการรัสเซียก็ตาม
ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ที่ทำงานใกล้ชิดกับโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวเก็งจะได้เป็นผู้สมัครของพรรครีพับลิกัน ลงชิงชัยกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครต ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเดือนพฤศจิกายนนี้ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคาร (13) ว่า ไม่มีแผนนำร่างกฎหมายความช่วยเหลือต่างประเทศเข้าสู่การพิจารณาของสภาล่าง
ทั้งนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวซึ่งครอบคลุมความช่วยเหลือต่างประเทศอันได้แก่ ยูเครน, อิสราเอล, และไต้หวัน รวมทั้งสิ้นราว 95,000 ล้านดอลลาร์ ทว่าก้อนใหญ่ที่สุดคือกว่า 60,000 ล้านดอลลาร์จะเป็นการจัดสรรให้แก่ยูเครนนั้น เพิ่งผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาสดๆ ร้อนๆ ในวันเดียวกัน
ด้วยความมุ่งหมายที่จะให้สภาผู้แทนราษฎรเร่งอนุมัติร่างกฎหมายฉบับนี้เช่นกัน ไบเดน ได้ออกมาแถลงที่ทำเนียบขาวโดยย้ำว่าการช่วยเหลือพันธมิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งยูเครนที่กำลังต่อสู้กับการรุกรานจากรัสเซีย เป็นความรับผิดชอบพื้นฐานของอเมริกา ดังนั้น การสนับสนุนร่างกฎหมายนี้จึงเป็นการยืนหยัดต่อต้านวลาดิมีร์ ปูติน และในทางกลับกัน การคัดค้านจะเท่ากับเป็นการสนับสนุนผู้นำเผด็จการของรัสเซียทางอ้อม
ไบเดนยังถือโอกาสนี้ประณามทรัมป์ ที่เมื่อไม่กี่วันก่อนประกาศว่า จะสนับสนุนมอสโกโจมตีพวกชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่ยังไม่เพิ่มงบประมาณทางการทหารตามที่เคยให้สัญญาไว้
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจมตีว่า คำพูดเช่นนี้ของทรัมป์ทั้ง โง่เขลา น่าละอาย อันตราย และผิดวิสัยคนอเมริกัน และสำทับว่าทรัมป์ซึ่งเคยถูกรัฐสภาสอบสวนเพื่อถอดถอนจากตำแหน่งถึง 2 ครั้ง การรวมตัวเป็นพันธมิตรทางทหารของฝ่ายตะวันตก เหมือนกับเป็นการประกอบอาชีพเรียกค่าคุ้มครอง พร้อมกับย้ำว่า ยังไม่เคยมีประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใดในประวัติศาสตร์ที่ยอมก้มหัวให้จอมเผด็จการชาวรัสเซีย
ทั้งนี้ ความช่วยเหลือของอเมริกาที่จะให้แก่ยูเครน ตกอยู่ในสภาพชะงักงันมาหลายเดือนแล้วจากความวุ่นวายในรัฐสภา
ร่างกฎหมายความช่วยเหลือสำหรับต่างประเทศ ผ่านความเห็นชอบอย่างท่วมท้นในวันอังคาร (13) จากวุฒิสภา ภายหลังได้เสียงสนับสนุนมากพอจากพวก ส.ว. รีพับลิกันที่กล้าโหวตแบบท้าทายการชักใยหลังฉากของทรัมป์
แต่แล้วจอห์นสันกลับออกมาขัดขวาง ด้วยข้ออ้างว่าไม่สามารถดำเนินการกับปัญหาความมั่นคงของยูเครนได้ โดยที่อเมริกาเองยังไม่มีมาตรการใหม่ที่เข้มงวดเพื่อหยุดยั้งการลักลอบเข้าเมืองจากชายแดนเม็กซิโก
อันที่จริงแล้ว กระทั่งกว่าที่สภาสูงสหรัฐฯจะเห็นชอบผ่านร่างกฎหมายที่ครอบคลุมถึงงบช่วยเหลือยูเครนก้อนนี้ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปอย่างราบรื่นง่ายดาย โดยที่ก่อนหน้านี้ คณะบริหารไบเดนพยายามเสนอร่างกฎหมายซึ่งนอกจากเรื่องความช่วยเหลือสำหรับต่างประเทศแล้ว ยังบวกด้วยเรื่องงบประมาณเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยชายแดนที่ติดต่อกับเม็กซิโกอีกด้วย แล้วถูกพวก ส.ว.รีพับลิกันจำนวนมากโต้แย้งไม่พอใจเกี่ยวกับเรื่องหลัง
แต่หลังเจรจาต่อรองกันเป็นแรมเดือน จนทางไบเดนและพวก ส.ว.เดโมแครตยอมอ่อนข้อให้บังคับใช้มาตรการการรักษาความปลอดภัยชายแดนใหม่ที่เข้มงวดที่สุดในรอบหลายสิบปี อย่างไรก็ดี ขณะที่วุฒิสภาตั้งท่าเตรียมอนุมัติร่างกฎหมายอย่างที่ประนีประนอมกันได้นั้นเอง ทรัมป์ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่ารีพับลิกันอ่อนข้อให้มากเกินไป ขณะที่จอห์นสันก็ขู่ว่าร่างกฎหมายนี้จะถูกคว่ำแน่ในทันทีที่ส่งมาให้สภาล่างพิจารณา
เหล่านี้กดดันให้บรรดา ส.ว. ต้องยอมแก้เกม ด้วยการจัดทำร่างใหม่ที่ครอบคลุมเฉพาะความช่วยเหลือต่างประเทศเท่านั้น และสามารถผ่านการรับรองของวุฒิสภาไปได้ ทว่าจอห์นสันยังคงแสดงท่าทีคัดค้านเช่นเดิม
อนึ่ง หากจอห์นสันยืนกรานขัดขวางร่างกฎหมายความช่วยเหลือต่างประเทศซึ่งต้องผ่านความเห็นชอบจากทั้งสองสภาก่อนส่งต่อให้ไบเดนลงนามรับรองเพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมายจริง สมาชิกเดโมแครตในสภาล่างสามารถรวบรวมเสียงข้างมากเพื่อยื่นคำร้องที่เรียกว่า discharge petition บังคับให้สภาผู้แทนโหวตได้
ฮาคีม เจฟฟรีส์ ผู้นำเดโมแคตในสภาผู้แทนราษฎร ทำจดหมายถึงสมาชิกพรรคให้สัญญาว่า จะใช้เครื่องมือทางกฎหมายทั้งหมดที่มีเพื่อให้ร่างกฎหมายนี้ผ่านความเห็นชอบ แต่ไม่ได้บอกว่า จะใช้วิธียื่นคำร้องด้านบนหรือไม่ เพียงแค่แสดงความเชื่อมั่นว่า มีสมาชิกทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันในสภาล่าง 300 คนสนับสนุนกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์)