การเมืองอเมริกันเล่นกันรุนแรงขึ้นอีกระดับ ส.ส.พรรครีพับลิกันผลักดันสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ผ่านมติในวันพุธ (13 ธ.ค.) ให้ดำเนินกระบวนการสอบสวนเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโจ ไบเดน ออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการแล้ว ถึงแม้พวกเขายังไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่าประมุขทำเนียบขาวผู้นี้พัวพันอย่างมิชอบกับธุรกิจในต่างประเทศของ “ฮันเตอร์” ผู้บุตรชาย ตามที่พวกเขากล่าวหา
สภาล่างสหรัฐฯโหวตด้วยคะแนน 221 ต่อ 212 เสียง โดย ส.ส.พรรครีพับลิกันทุกคนลงมติเห็นชอบ ขณะที่ ส.ส.พรรคเดโมแครตทุกคนคัดค้าน ในญัตติให้ดำเนินการสอบสวนเพื่อพิจารณาถอดถอนไบเดน ในประเด็นที่ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯผู้นี้ได้ประโยชน์อย่างไม่เหมาะสมจากการทำธุรกิจในต่างประเทศของฮันเตอร์ ไบเดน หรือไม่ ทั้งนี้หลังจากเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น ฮันเตอร์ปฏิเสธหมายเรียกของสภาให้เขาไปให้ปากคำแบบปิดลับ โดยประกาศว่าจะให้การแบบเปิดเผยต่อสาธารณชนเท่านั้น
ทำเนียบขาวนั้นคัดค้านการใช้กระบวนการสอบสวนเช่นนี้ โดยระบุข้อกล่าวหาขาดหลักฐานข้อเท็จจริงรองรับ แถมมีแรงจูงใจทางการเมือง ทั้งนี้ไบเดนกำลังเตรียมลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่สองในปีหน้า โดยมีความเป็นไปได้อย่างมากที่เขาจะต้องขับเคี่ยวกับผู้สมัครหน้าเดิมของรีพับลิกันซึ่งก็คือ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่ทรัมป์อยู่ในฐานะผู้นำสหรัฐฯ คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกดำเนินกระบวนการสอบสวนเพื่อถอดถอนถึง 2 ครั้ง 2 ครา ไม่เพียงเท่านั้นตอนนี้เขายังต้องเตรียมตัวสู้ความถูกฟ้องเป็นจำเลยคดีอาญาในศาลรวม 4 คดีด้วยกัน
ความพยายามของรีพับลิกันครั้งนี้เกือบแน่นอนแล้วว่า จะไม่สามารถถอดถอนไบเดนได้ เนื่องจากกระทั่งหากสภาล่างโหวตให้ถอดถอน แต่ขั้นตอนต่อไปคือ วุฒิสภาจะต้องทำหน้าที่เป็นเสมือนศาล และต้องลงมติด้วยคะแนน 2 ใน 3 ขึ้นไปว่า ไบเดนผิดจริงตามข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้เนื่องจากเวลานี้เดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาสูงด้วยคะแนน 51-49 เสียง
อย่างไรก็ตาม เห็นกันว่า การดำเนินการเช่นนี้จะทำให้รีพับลิกันสามารถป่าวร้องข้อกล่าวหาคอร์รัปชันใส่ไบเดนได้ตลอดแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งปีหน้า
การโหวตครั้งนี้มีขึ้นหลังจากรีพับลิกันเริ่มต้นการสอบสวนอย่างไม่เป็นทางการตั้งแต่เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว แต่หลังการลงมติของสภาล่างเช่นนี้ ก็ทำให้รีพับลิกันมีอำนาจตามกฎหมายมากขึ้นในการบังคับคณะบริหารไบเดนให้ความร่วมมือ รวมทั้งอาจช่วยตอบโต้ข้อกล่าวหาของเดโมแครตในเรื่องการขาดความชอบธรรม
พวก ส.ส.รีพับลิกันกล่าวหาว่า ไบเดนและครอบครัวได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินการของไบเดนตั้งแต่เมื่อครั้งรับตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดีในยุคประธานาธิบดีบารัค โอบามา ระหว่างปี 2009-2017 โดยที่พวกเขามุ่งประเด็นที่ธุรกิจของฮันเตอร์ในยูเครนและจีนในช่วงเวลาดังกล่าว
พวกเขาแสดงหลักฐานที่ชี้ว่า ฮันเตอร์ทำให้ลูกค้าของเขาเชื่อว่าเขาสามารถอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเข้าถึงสำนักงานรองประธานาธิบดีได้ แต่พวกเขาไม่มีหลักฐานว่า ตัวไบเดนได้มีการใช้อำนาจหน้าที่เพื่อช่วยเหลือธุรกิจเหล่านั้น หรือแสวงหาผลประโยชน์ทางการเงินจากธุรกิจเหล่านั้น
ด้านไบเดนออกคำแถลงตำหนิส.ส.รีพับลิกันไม่ทำตามคำขอของตน ในการให้ความสำคัญกับกิจการภายในประเทศก่อน หรืออนุมัติเงินสนับสนุนฉุกเฉินแก่ยูเครนและอิสราเอล แต่กลับทุ่มเทความพยายามโจมตีตนด้วยการโกหก
ทว่า ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนฯ จากรีพับลิกัน โต้ว่าคนอเมริกันควรได้รู้คำตอบ ซึ่งการสอบสวนเพื่อถอดถอนนี้จะช่วยให้สภาค้นหาคำตอบเกี่ยวกับข้อกล่าวหาไบเดน
เมื่อตอนเช้าวันจันทร์ (11) ฮันเตอร์ได้ปฏิเสธหมายเรียกของคณะกรรมาธิการสภาล่าง ที่เรียกเขาไปให้ปากคำแบบปิดลับ โดยระบุว่า จะให้การอย่างเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชนเท่านั้น เพื่อไม่ให้มีการนำคำพูดของตนไปเผยแพร่ผิดๆ
ด้านสมาชิกคณะกรรมาธิการบอกว่า จะดำเนินการเอาผิดฮันเตอร์ ไบเดน ฐานหมิ่นประมาทคองเกรส ซึ่งมีโทษถึงขั้นจำคุก
ฮันเตอร์ ตกเป็นเป้าถูกรีพับลิกันเล่นงานเรื่อยมา เนื่องจากมีปัญหาติดยาเสพติดและแอลกอฮอล์ รวมทั้งถูกสอบสวนคดีอาญามาแรมปี ด้วยข้อหาให้การเท็จเกี่ยวกับการใช้ยาเสพติดขณะซื้อปืน และไม่ยอมจ่ายภาษี 1.4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเจ้าตัวปฏิเสธความผิดในคดีปืน ส่วนคดีภาษีนั้นได้ยอมจ่ายจนครบถ้วนแล้ว
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี)