แพ็คเกจความช่วยเหลือต่างชาติที่รวมถึงเงินอัดฉีดก้อนใหม่ให้ยูเครนมูลค่ากว่า 60,000 ล้านดอลลาร์ ผ่านความเห็นชอบในการโหวตเพื่อปิดการอภิปรายด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นเมื่อวันอาทิตย์ (11 ก.พ.) ทำให้เกือบแน่นอนแล้วว่า วุฒิสภาสหรัฐฯ จะผ่านร่างกฎหมายนี้ในการลงมติช่วงกลางสัปดาห์ แต่ต้องไปลุ้นต่อในสภาล่างว่า จะถูกสมาชิกปีกขวาของรีพับลิกันขัดขวางหรือไม่ ขณะที่สงครามในยูเครนกำลังจะเข้าสู่ปีที่ 3 ในสภาพที่เคียฟแม้จะยังยืนหยัดสู้กับรัสเซียและวาดหวังว่าจะสามารถพลิกเกมรบ แต่ก็อยู่ในสภาพที่บอบช้ำอย่างหนัก
ในวันอาทิตย์ (11) วุฒิสภาสหรัฐฯที่เดโมแครตครองเสียงข้างมากบางเฉียบ ลงมติด้วยคะแนน 67-27 เพื่อปิดการอภิปรายแพ็คเกจความช่วยเหลือต่างชาติมูลค่ารวม 95,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนอกเหนือจากยูเครนแล้วยังครอบคลุมความช่วยเหลือสำหรับอิสราเอลในสงครามกวาดล้างฮามาส และไต้หวัน พันธมิตรสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ในเอเชีย แต่ตัดประเด็นเกี่ยวกับผู้อพยพและปัญหาชายแดนอเมริกา-เม็กซิโกออกทั้งหมด
ความคืบหน้านี้ทำให้เกือบแน่นอนแล้วว่า ร่างกฎหมายนี้จะผ่านความเห็นชอบจากสภาสูงในการลงมติกลางสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ดี ยังไม่แน่นอนว่า สมาชิกปีกขวาของรีพับลิกันที่ครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรจะยอมผ่านร่างกฎหมายนี้ด้วย เพื่อให้กลายเป็นรัฐบัญญัติที่มีผลบังคับใช้หรือไม่
ความเคลื่อนไหวในคองเกรสเหล่านี้ เกิดขึ้นขณะที่สงครามยูเครนกำลังจะเข้าสู่ปีที่ 3 โดยที่กองทัพเคียฟตกอยู่ในฐานะเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างชัดเจน ถึงแม้ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ยังคงวาดหวังว่า การเปลี่ยนตัวผู้บัญชาการทหารสูงสุดคนใหม่เป็น พลโทโอเลคซานดร์ ซีร์สกี เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อาจทำให้ยูเครนประสบความสำเร็จหากสามารถเปลี่ยนเกมรบอย่างมีประสิทธิภาพ
ทว่า สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า สำหรับทหารยูเครนจำนวนมากที่ต้องเผชิญฝนและหิมะในฤดูหนาวขณะสงครามกำลังจะครบรอบปีที่ 2 นั้น ขวัญและกำลังใจของพวกเขาตกต่ำย่ำแย่ ทหารนายหนึ่ง ณ ที่มั่นใกล้เมืองคูเปียนสก์ ที่ถูกกองทัพรัสเซียรุกหนักมาหลายเดือนบอกว่า ทหารเหนื่อยมากทั้งทางร่างกายและจิตใจ เพราะผ่านมาสองปีแล้วยังมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เลย
เมื่อปลายปี 2022 ทหารยูเครนยังฮึกเหิมมากเพราะสามารถปกป้องเมืองคาร์คีฟ ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ แถมยังชิงเมืองเคียร์ซอน ทางภาคใต้คืนมาได้ หลังถูกรัสเซียยึดตั้งแต่ช่วงต้นสงครามในเดือนกุมภาพันธ์ปีเดียวกัน
แต่สำหรับตลอดปี 2023 ข่าวจากสมรภูมิกลับมีแต่เรื่องน่าผิดหวัง ตั้งแต่การเสียเมืองบัคมุต ในเดือนพฤษภาคม ขณะที่การปฏิบัติการรุกกลับครั้งใหญ่ในช่วงฤดูร้อนทำได้เพียงชิงหมู่บ้านคืนไม่กี่แห่ง แถมต้องสูญเสียกำลังพลและอาวุธจำนวนมากแม้ได้ความช่วยเหลือมากมายจากตะวันตกก็ตาม
เวลานี้นี้กองทัพรัสเซียกำลังเดินหน้าโจมตีโดยเฉพาะรอบเมืองอัฟดิอิฟกาซึ่งเป็นศูนย์อุตสาหกรรมถ่านหินและสัญลักษณ์ใหม่ของการต้านทานของยูเครน
ปัจจุบันเมืองนี้ที่อยู่ถัดจากเมืองโดเนตสก์ เมืองเอกของแคว้นชื่อเดียวกันซึ่งตกอยู่ในความยึดครองของฝ่ายรัสเซีย เหลือประชากรเพียง 900 คน จาก 30,000 คนก่อนสงคราม
วิตาลี บาราบาช นายกเทศมนตรีอัฟดิออิฟกา ระบุว่า สถานการณ์ช่วงไม่กี่วันนี้เข้าขั้นวิกฤต ขณะที่ทหารยูเครนสำทับว่า รัสเซียส่งกำลังพลเข้าสมทบหลายระลอก และทุ่งรอบๆ เต็มไปด้วยร่างผู้เสียชีวิต
ข่าวดีข่าวเดียวสำหรับเคียฟในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาคือ สามารถผลักดันกองทัพเรือรัสเซียต้องถอยออกจากที่มั่นในทะเลดำสำเร็จ และเปิดเส้นทางส่งออกธัญญาหารได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ แม้ข้อมูลการสูญเสียที่แน่ชัดยังคงเป็นความลับ แต่วอชิงตันประเมินว่า ทหารยูเครนเสียชีวิต 70,000 นาย และบาดเจ็บ 120,000 นาย
ทางฝ่ายรัสเซียคาดว่า สูญเสียหนักพอๆ กัน เพียงแต่มอสโกสามารถระดมกำลังเพิ่ม ทั้งด้วยการหาอาสาสมัครโดยผ่านโฆษณาชวนเชื่อที่ชูลัทธิชาตินิยม ผสมกับการข่มขู่และมาตรการจูงใจทางการเงิน ทั้งนี้ยังไม่นับเรื่องพื้นฐานนั่นคือรัสเซียมีจำนวนประชากรสูงกว่ายูเครนมาก
แต่สำหรับกองทัพยูเครนนั้น ประสบปัญหามากในการเกณฑ์ทหารใหม่ๆ ซ้ำมีทหารจำนวนมากขึ้นร้องขอกลับบ้าน
การเกณฑ์ทหารกลายเป็นประเด็นถกเถียงเผ็ดร้อน และรัฐบาลเซเลนสกี้ถูกบีบให้ทบทวนร่างกฎหมายเพื่อทำให้การหลีกเลี่ยงจากการถูกเกณฑ์ทหาร กระทำได้ยากขึ้น
ในส่วนของเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ และงบประมาณค่าใช้จ่าย ซึ่งเวลานี้เคียฟต้องพึ่งพาอาศัยความช่วยเหลือจากภายนอก นั่นคือจากฝ่ายตะวันตกเป็นสำคัญนั้น สถานการณ์ยังปราศจากความแน่นอน โดยเฉพาะความช่วยเหลือจากสหรัฐฯที่กำลังมีความขัดแย้งกันมากในรัฐสภา ขณะที่กำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีปลายปีนี้
ด้านยุโรปแม้เพิ่งอนุมัติแพ็คเกจความช่วยเหลือล่าสุด 55,000 ล้านดอลลาร์ในกรอบระยะเวลา 4 ปี แต่อียูยังต้องลงรายละเอียดว่าจะแบ่งสรรให้แต่ละชาติสมาชิกรับผิดชอบลงขันกันเท่าใด ขณะที่มีเสียงวิจารณ์กันมากว่าอุตสาหกรรมกลาโหมของยุโรปยังไม่ได้ปรับตัวเข้าสู่สถานการณ์สงคราม การผลิตและจัดส่งเครื่องกระสุนต่างๆ ให้เคียฟยังคงเป็นไปอย่างล่าช้า
เห็นกันว่าหากปราศจากความช่วยเหลือจากพันธมิตร ขณะที่อุตสาหกรรมกลาโหมในประเทศเองก็ย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ ยูเครนจะไม่สามารถต่อกรกับรัสเซียที่มีความพร้อมกว่ามากในการระดมสรรพกำลังทางเศรษฐกิจเพื่อทำสงคราม
ยูเครนเวลานี้พยายามวาดภาพตั้งความหวังว่า สถานการณ์ของฝ่ายตนจะดีขึ้น หากสามารถครองเวหาด้วยเครื่องบินขับไล่เอฟ-16 ที่พากเพียรขอจากฝ่ายตะวนตกมาเป็นแรมเดือน รวมทั้งพวกระบบป้องกันภัยทางอากาศเพื่อรับมือรัสเซียที่ระดมโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนล็อตใหญ่แทบทุกวัน
ดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครนบอกว่า สิ่งสำคัญอันดับแรกในปี 2024 คือไล่รัสเซียให้พ้นจากน่านฟ้า และสำทับว่า ผู้ที่ควบคุมน่านฟ้าได้จะเป็นผู้กำหนดว่า สงครามจะสิ้นสุดเมื่อใดและอย่างไร
(ที่มา: เอเอฟพี, เอเจนซีส์)