ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถึงขั้นแถลงข่าวตอบโต้ด้วยความไม่พอใจต่อข้อสันนิษฐานที่ว่าความทรงจำของเขากำลังเสื่อมลง อย่างไรก็ตาม ระหว่างการแถลงข่าวที่จัดขึ้นอย่างเร่งรีบเมื่อคืนวันพฤหัสบดี (8 ก.พ.) ผู้นำวัย 81 ปีรายนี้ กลับทำให้สถานการณ์ของตนเองเลวร้ายลงไปอีก ด้วยการเรียกประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาฟ์ อัล-ซิซี แห่งอียิปต์ เป็นผู้นำเม็กซิโก
ประธานาธิบดีไบเดน ได้เชิญพวกผู้สื่อข่าวมารับฟังการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาว เพื่อยืนยันว่าความทรงจำของเขายังดีอยู่ และเน้นย้ำว่าตนเองถูกเล่นงานด้วยการวาดภาพให้เป็นคนชราที่มีปัญหาด้านความทรงจำ โดยอดีตอัยการรายหนึ่งที่ได้รับการแต่งตั้งจากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่คู่แข่งในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024 ที่ทำการสืบสวนเกี่ยวกับแนวทางบริหารจัดการเอกสารลับของไบเดน
ระหว่างการแถลงข่าว ประธานาธิบดีรายนี้ยังได้แสดงความโกรธเกรี้ยวในประเด็นเกี่ยวกับลูกชาย และให้มุมมองอย่างครอบคลุมเกี่ยวกับความขัดแย้งในตะวันออกกลาง แต่มันถูกกลบเสียสนิทจากความผิดพลาดครั้งใหญ่อีกครั้งที่เกี่ยวข้องกับผู้นำต่างชาติ
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ แถลงข่าวด้วยท่าทีฉุนเฉียว ตอบโต้รายงานผลสอบสวนคดีจัดการเอกสารลับผิดพลาดหลังพ้นตำแหน่งรองประธานาธิบดีในปี 2017 ที่เผยแพร่โดยโรเบิร์ต เฮอร์ อดีตอัยการพิเศษของกระทรวงยุติธรรม ผู้ดูแลคดี ซึ่งระบุว่าเขาจงใจเก็บรักษาและเปิดเผยเอกสารลับหลายฉบับ แต่ไม่มีการตั้งข้อหาหรือดำเนินคดีใดๆ เนื่องจากไบเดนนั้นให้ความร่วมมือและชี้ว่าความทรงจำของผู้นำสหรัฐฯ นั้น "ค่อนข้างจำกัดอย่างมีนัยสำคัญ" และไม่สามารถจดจำหลายเหตุการณ์ที่สำคัญในชีวิตได้
ไบเดนยืนยันว่าความทรงจำของเขานั้น "ปกติดี" และแสดงความไม่พอใจต่อคำกล่าวอ้างในรายงานที่ระบุว่า "เขาจำไม่ได้ว่าลูกชายของเขาเสียชีวิตเมื่อไร" โดยถามกลับไปยังเฮอร์ว่า "เขากล้ายกประเด็นนี้ขึ้นมาได้อย่างไร?"
"พูดตามตรง เมื่อผมถูกถามคำถามนี้ ผมก็คิดกับตัวเองว่าไม่ใช่เรื่องอะไรของพวกเขา ผมไม่ต้องการให้ใครมาเตือนผมว่าเขา (โบ ไบเดน) เสียชีวิตไปเมื่อไร"
อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายของการแถลงข่าว ไบเดน กลับพูดพาดพิงผิด โดยเรียกประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาฟ์ อัล-ซิซี แห่งอียิปต์ เป็นผู้นำเม็กซิโก ความผิดพลาดครั้งนี้บ่อนทำลายความพยายามแถลงข่าวแก้ตัวของเขาทั้งมวล และฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของเขาได้ฉวยโอกาสนี้ในทันที ชี้มันเป็นหลักฐานเพิ่มเติมว่า ไบเดน ไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่ง
เนื้อหาส่วนหนึ่งในรายงานการสอบสวนจำนวน 345 หน้าของเฮอร์ ระบุว่า ไบเดน นั้นเก็บเอกสารลับที่เกี่ยวข้องกับนโยบายด้านการทหารและนโยบายต่างประเทศในอัฟกานิสถานอย่างไม่เหมาะสมภายหลังลงจากตำแหน่งรองประธานาธิบดี
เฮอร์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งในรัฐบาลของ โดนัลด์ ทรัมป์ ระบุภายหลังตัดสินใจไม่ดำเนินคดีต่อไบเดนว่า ประธานาธิบดีวัย 81 ปี มีแนวโน้มที่จะนำเสนอตัวเองต่อคณะลูกขุน เช่นเดียวกับที่ให้ปากคำต่ออัยการ ในฐานะของชายสูงอายุผู้มีเจตนาดี แต่ความจำไม่ดี
ส่วนหนึ่งของการสอบสวนคือการสอบปากคำผู้นำสหรัฐฯ ยาวนานกว่า 5 ชั่วโมง โดยเฮอร์ชี้ว่าไบเดน "จำไม่ได้ว่าเขาดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีเมื่อใด"
ไบเดนชี้แจงว่า “เขายุ่งมากในการจัดการวิกฤตระหว่างประเทศ” เมื่อถูกสอบปากคำช่วงวันที่ 8-9 ตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่สงครามอิสราเอล-ฮามาสในฉนวนกาซาปะทุขึ้น
ทั้งนี้ ไบเดนตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการรับผิดชอบในการเก็บเอกสารลับไว้ภายในบ้านของเขา โดยบอกว่าเขา "ไม่รู้" ว่ามีเอกสารบันทึกข้อความที่มีข้อมูลละเอียดอ่อนอยู่ในโรงรถ ซึ่งขัดกับข้อมูลในรายงานที่เฮอร์ระบุว่ามันถูกพบอยู่ข้างเตียงสุนัข
ระหว่างการแถลง ไบเดน ยังพยายามโต้แย้งคำถามของนักข่าวเกี่ยวกับอายุและความเฉียบแหลมทางจิตใจของเขา และเมื่อถูกถามเกี่ยวกับความคิดเห็นต่อสถานการณ์ล่าสุดของสงครามในกาซา เขากลับเรียกประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี ของอียิปต์ ว่าเป็น "ประธานาธิบดีแห่งเม็กซิโก"
"ผมคิดว่าอย่างที่คุณทราบในเบื้องต้น ประธานาธิบดีแห่งเม็กซิโก ซิซีไม่ต้องการเปิดประตูเพื่อให้สิ่งของช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าไปได้" ไบเดนกล่าว
นอกจากนี้ เขายังตอบคำถามด้วยเสียงดัง หลังถูกถามว่าชาวอเมริกันกังวลเกี่ยวกับอายุของเขาหรือไม่ ซึ่งไบเดนตอบซ้ำๆ ว่า "นั่นเป็นวิจารณญาณของคุณ" และยืนยันว่าความทรงจำของตนเอง ‘ปกติดี’ และ "ไม่ได้แย่ลง" ระหว่างดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
(ที่มา : เอ็นดีทีวี/อัลจซีราห์/บีบีซีนิวส์)