xs
xsm
sm
md
lg

ดับเสียงเย้ยเมินรถไฟฟ้า! โตโยต้ากำไรไตรมาส 3 โตเกินคาด หลังยอดขายไฮบริดแกร่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ยอดขายรถยนต์ไฮบริดที่พุ่งสูงขึ้น ช่วยให้ โตโยต้ามีผลประกอบการเกินคาดหมายในไตรมาส 3 ขณะเดียวกัน บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ยังปรับเพิ่มตัวเลขคาดหมายผลกำไรตลอดทั้งปี และมอบความเชื่อมั่นเพิ่มเติมต่อกรณีที่ทางบริษัทวางเดิมพันในเทคโนโลยีดังกล่าว

บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นปรับเพิ่มคาดการณ์ผลกำไรจากการดำเนินงานในรอบ 1 ปี จนถึงเดือนมีนาคม จาก 4.5 ล้านล้านเยน เป็น 4.9 ล้านล้านเยน (ราว 32,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.1 ล้านล้านบาท) และบอกว่ากำไรในไตรมาส 3 แตะระดับ 1.7 ล้านล้านเยน (ราว 11,000 ล้านดอลลาร์) จากระดับ 975,000 ล้านเยน ของหนึ่งปีก่อนหน้านี้ ซึ่งมากกว่าที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายไว้

โตโยต้าระบุว่ากำไรที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่สืบเนื่องจากความพยายามต่างๆ ในด้านการตลาด ในขณะที่ปริมาณการขายเพิ่มขึ้นในทั่วทุกภูมิภาค โดยเฉพาะในส่วนของรถยนต์ไฮบริด ในขณะที่การอ่อนค่าเงินสกุลเงินเยนทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มมากขึ้น

"ในทุกภูมิภาค สัดส่วนของยอดขายไฮบริดเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นคำตอบแห่งความเป็นจริงคือ ไฮบริดยังคงเป็นได้รับความชื่นชอบจากพวกลูกค้าของเรา" โยอิชิ มิยาซากิ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของโตโยต้าบอกกับผู้สื่อข่าว

"เมื่อปีที่แล้ว รถยนต์ไฮบริดมียอดขาย 3.4 ล้านถึง 3.5 ล้านคน ในปี 2022 ผมคิดว่ามันอยู่ที่ 2.6 ล้านคัน หรือมากกว่านั้น ดังนั้นภายในระยะเวลาหนึ่งปี อุปสงค์สำหรับรถยนต์เพิ่มขึ้นมากเกือบ 1 ล้านคัน และผมคิดว่าอุปสงค์น่าจะแตะระดับ 5 ล้านคันในราวปี 2025"

ในไตรมาส 3 ยอดขายรถยนต์ไฮบริดเพิ่มขึ้นถึง 47% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะระดับ 951,000 คัน ในขณะที่ยอดขายรถยนต์โดยรวมเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 10%

ยอดขายที่เฟื่องฟูจองรถยนต์ไฮบริด ถือเป็นการตอบโต้บรรดานักวิเคราะห์บางส่วนที่แสดงความกังวลว่าโตโยต้าไม่เคลื่อนไหวรวดเร็วเพียงพอในการมุ่งหน้าสู่รถยนต์ไฟฟ้าล้วนพลังงานแบตเตอรี่ พวกเขามีแผนขายรถยนต์อีวีให้ได้ปีละ 3.5 ล้านคัน ตั้งแต่ปี 2030 เป็นต้นไป แต่ปัจจุบันจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนพลังงานแบตเตอรี่ได้เพียง 104,000 คัน ในปีปฏิทิน 2023

เจมส์ ฮอง นักวิเคราะห์ด้านยานยนต์จาก Macquarie ให้ความเห็นว่าการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ไฮบริด "พิสูจน์ถึงเดิมพันของพวกเขาในเทคโนโลยีนี้ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงก็คือ ถ้าอุปสงค์อีวีเติบโตอย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่นผ่านตลาดผู้บริโภคทั่วไป (Mass market) โตโยต้าอาจไม่พร้อมสำหรับหยิบฉวยความได้เปรียบ แต่ชัดเจนว่า เวลานี้โตโยต้าอยู่ในจุดที่กลมกล่อม"

โตโยต้า กรุ๊ป ยังคงกรองบัลลังก์ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อปีที่แล้วมียอดขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแตะระดับ 11.2 ล้านคัน ในนั้นรวมถึงบริษุทลูก ขณะที่พวกเขายังคงมุ่งมั่นใน "a multi-pathway approach" พลังงานทางเลือกในการขับเคลื่อนที่หลากหลาย ในการขายรถยนต์ทั่วโลกในมากกว่า 170 ประเทศ ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้าล้วนจะยังคงเข้าถึงได้ยากในอีกหลายปีข้างหน้า

เมื่อเดือนที่แล้ว อาคิโกะ โทโยดะ ประธานโตโยต้า มอเตอร์ เชื่อว่ารถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่จะกินส่วนแบ่งตลาดได้อย่างมากสุดแค่ 30% เพราะเป็นพันล้านคนบนโลกยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ที่เหลือจะถูกแบ่งให้รถยนต์ไฮบริด เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน และยานยนต์เผาไหม้เชื้อเพลิง

(ที่มา : ไฟแนนเชียลไทม์ส)


กำลังโหลดความคิดเห็น