เศรษฐกิจจีนในไตรมาสส่งท้ายปี 2023 โตเร็วขึ้น ช่วยให้ทางการแดนมังกรบรรลุเป้าหมายอัตราเติบโตสำหรับตลอดปีที่ผ่านมาซึ่งตั้งเอาไว้ที่ราว 5% ทว่าตลาดการเงินไม่สบอารมณ์ มองว่าเป็นปีหนึ่งซึ่งขยายตัวช้าที่สุดในรอบระยะเวลาหลายสิบปี ท่ามกลางปัญหาหนักหน่วงสาหัสทั้งจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์, การบริโภคที่สะดุดติดขัด, และทั่วโลกเกิดความปั่นป่วนผันผวน นอกจากนั้นแนวโน้มการขยายตัวต่อไปในระยะยาวยังดูท่าต้องเผชิญอุปสรรคใหม่ๆ หลังจากมีการเปิดเผยด้วยว่า จำนวนประชากรจีนเมื่อปีที่แล้วยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2
ข้อมูลอย่างเป็นทางการที่จีนเผยแพร่เมื่อวันพุธ (17 ม.ค.) แสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนตลอดทั้งปี 2023 มีมูลค่าอยู่ที่ 126 ล้านล้านหยวน (17.6 ล้านล้านดอลลาร์) ขยายตัวในอัตรา 5.2% สูงกว่าเป้าหมายที่ประมาณ 5% ซึ่งรัฐบาลกำหนดเอาไว้
การเติบโตระดับนี้ของเศรษฐกิจจีนในปีที่ผ่านมา ถือว่าสูงขึ้นมากจากตัวเลขในปี 2022 ซึ่งทำได้เพียงแค่ 3% สืบเนื่องจากในช่วงดังกล่าวมีการระบาดใหญ่ไปทั่วโลกของโรคโควิด-19 ขณะที่แดนมังกรมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศอย่างเข้มงวดกวดขัน อย่างไรก็ดี ปี 2023 ยังคงถือเป็นปีหนึ่งที่จีนขยายตัวได้ต่ำเตี้ยกว่าปีอื่นๆ นับตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 2010 เป็นต้นมา ซึ่งจีดีพีจะเติบโตราวๆ ปีละ 6 หรือ 7% และตลาดหลักทรัพย์แถบเอเชียในวันพุธ (17) ก็พากันร่วงจากอิทธิพลของตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาน่าผิดหวัง โดยที่ดัชนีหั่งเส็งของตลาดฮ่องกงปิดลดต่ำลง 3.7% ขณะที่ตลาดเซี่ยงไฮ้ก็ติดลบ 2.1%
ในช่วงต้นๆ ของปีที่แล้ว เศรษฐกิจจีนทำท่าสามารถดีดตัวขึ้นอย่างคึกคักภายหลังโรคระบาดใหญ่ผ่านพ้นไป ทว่ากลับหมดแรงวิ่งต่อภายในเวลาไม่กี่เดือน ขณะที่การขาดความเชื่อมั่นทั้งในภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจส่งผลกระทบต่อการบริโภค
รอบไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา จีดีพีจีนขยายตัว 5.2% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 2022 และส่งผลให้อัตราเติบโตตลอดทั้งปีกระเตื้องขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า อัตราเติบโตของไตรมาส 4 อยู่ที่ 1% เท่านั้น แย่ลงกว่าไตรมาส 3 ซึ่งอยู่ที่ 1.3% ด้วยซ้ำ
ระหว่างแถลงข่าวเรื่องจีดีพีปีที่แล้วเมื่อวันพุธ เจ้าหน้าที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนพยายามชูตัวเลขที่สดใส โดยชี้ว่ามาตรการต่างๆ รวมถึงกฎระเบียบมหภาคที่เข้มงวดขึ้น และการทุ่มเทความพยายามมากขึ้นในการกระตุ้นความต้องการภายในประเทศ การปรับปรุงโครงสร้าง การส่งเสริมความเชื่อมั่น ตลอดจนถึงการป้องกันและลดความเสี่ยง กำลังช่วยปรับปรุงโมเมนตัมการฟื้นตัว อุปทาน และอุปสงค์
ขณะเดียวกัน ผลผลิตอุตสาหกรรมในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 4.6% เทียบกับปี 2022 ขณะที่ยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัว 7.2%
การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร เช่น อุปกรณ์โรงงาน การก่อสร้าง และโครงการโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ที่ขับเคลื่อนการเติบโต ขยายตัว 3% เมื่อเทียบกับปี 2022
ในวันพุธ จีนยังกลับมารายงานอัตราว่างงานในหมู่หนุ่มสาวอย่างเป็นทางการอีกครั้งหลังจากระงับไป 5 เดือน โดยภายใต้วิธีการคำนวณใหม่ที่ไม่รวมพวกนักศึกษา อัตราว่างงานสำหรับผู้ที่อายุ 16-24 ปี อยู่ที่ 14.9% ในเดือนธันวาคม เปรียบเทียบกับระดับ 21.3% ที่ถือเป็นการสร้างสถิติใหม่เมื่อเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายที่มีการประกาศตัวเลขที่ใช้วิธีการคำนวณแบบเดิม
อย่างไรก็ดี ในส่วนข้อมูลการค้าประจำเดือนธันวาคมที่เผยแพร่ออกมาเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ระบุว่า การเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองเช่นเดียวกับการนำเข้า ทว่า ราคาผู้บริโภคลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากยังคงมีความกดดันของภาวะเงินฝืด
จูเลียน อีแวนส์-พริตชาร์ด จากแคปิตอล อิโคโนมิกส์ ชี้ว่า การฟื้นตัวของจีนยังคงระส่ำระสายอย่างชัดเจน และแม้ยังคงคาดหวังว่า ทางการปักกิ่งจะผ่อนคลายนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ไม่มีแนวโน้มว่า จะสามารถป้องกันการชะลอตัวรอบใหม่ในช่วงปลายปีนี้ได้ เขายังบอกอีกว่า จีนจะเผชิญความท้าทายอีกมากมายในการบรรลุอัตราการเติบโตเดิมในปี 2024
ทางด้านนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ซึ่งไปร่วมการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรัม ที่รีสอร์ตดาวอส, สวิตเซอร์แลนด์ ได้กล่าวในงานดังกล่าวเมื่อวันอังคาร (16) ว่า จีนบรรลุเป้าหมายการเติบโตโดยไม่ต้องพึ่งมาตรการกระตุ้นขนาดใหญ่ และเสริมว่า จีนมีพื้นฐานที่ดีและแข็งแกร่งสำหรับการพัฒนาระยะยาว และแม้เผชิญอุปสรรคบ้าง แต่แนวโน้มแง่บวกจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
กระนั้น แนวโน้มการเติบโตระยะยาวของจีนดูเหมือนต้องเผชิญอุปสรรคใหม่ หลังจากเมื่อวันพุธมีการเปิดเผยว่า จำนวนประชากรของจีนในปี 2023 ลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 อยู่ที่ 1,409 ล้านคน หรือลดลง 2.08 ล้านคน ซึ่งถือว่า ลดลงเร็วกว่าเมื่อปี 2022 ด้วยซ้ำ
(ที่มา: เอพี, เอเอฟพี)