xs
xsm
sm
md
lg

ธนาคารกลางจีนลดดอกเบี้ยรอบใหม่หวังฟื้นเศรษฐกิจ นักลงทุนไม่ปลื้มฉุดหุ้นเซี่ยงไฮ้-ฮั่งเส็งทำนิวโลว์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แบงก์ชาติจีนลดดอกเบี้ยตัวสำคัญเป็นครั้งที่สองในรอบ 3 เดือน ในความพยายามที่จะตอบโต้อัตราเติบโตซึ่งยังชะลอตัวลงในช่วงหลังวิกฤตโรคระบาดโควิด ทว่าพวกนักลงทุนรู้สึกผิดหวังกับการปรับดอกเบี้ยลงแค่บางเฉียบแค่ 0.10% คราวนี้ ฉุดดัชนีหุ้นทั้งตลาดเซี่ยงไฮ้และฮ่องกงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายเดือน

วันจันทร์ (21 ส.ค.) ธนาคารกลางของจีน ซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่าธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน (พีบีโอซี) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (แอลพีอาร์) ระยะ 1 ปีจาก 3.45% อยู่ที่ 3.55%

ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนที่ใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากอเมริกา ซึ่งทำท่าฟื้นตัวขึ้นมาอย่างคึกคักภายหลังแดนมังกรยุติมาตรการล็อกดาวน์เข้มงวดช่วงวิกฤตโควิด ได้สูญเสียโมเมนตัมไปในระยะหลายๆ เดือนหลังๆ นี้ เมื่อยอดส่งออกตกต่ำ สืบเนื่องจากเศรษฐกิจของชาติต่างๆ ทั่วโลกก็ยังย่ำแย่ ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคภายในประเทศยังคงซบเซา และวิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งทำท่าเลวร้ายลงก็เป็นตัวบั่นทอนความเชื่อมั่น

การลดดอกเบี้ยเช่นนี้ถือว่าจีนกำลังสวนกระแส เนื่องจากชาติใหญ่อื่นๆ ต่างยังคงอยู่ในช่วงขึ้นดอกเบี้ยเพื่อพยายามสกัดอัตราเงินเฟ้อของประเทศตน

อัตราดอกเบี้ยแอลพีอาร์ระยะ 1 ปี ถือเป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับสินเชื่อในภาคธุรกิจและในภาคครัวเรือนของจีน ครั้งก่อนหน้านี้ที่แบงก์ชาติจีนลดดอกเบี้ยสำคัญตัวนี้คือในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

จุน เป่ย หลิว จาก ทริเบกา อินเวสต์เมนต์ พาร์ตเนอร์ส ให้สัมภาษณ์บีบีซีว่า ความเคลื่อนไหวคราวนี้ไม่น่าทำให้เกิดผลกระทบอะไรนัก แต่บ่งชี้ว่า รัฐบาลจีนมีความมุ่งมั่นในการฟื้นเศรษฐกิจ และสำทับว่า จีนจำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อฟื้นความเชื่อมั่น กระตุ้นการบริโภคและการเติบโต ไม่เช่นนั้นภาวะเงินฝืดอาจรุนแรงขึ้นอีก

นักเศรษฐศาสตร์หลายคนยังคาดว่า แบงก์ชาติจีนจะลดดอกเบี้ยแอลพีอาร์ระยะ 5 ปี ซึ่งเป็นอัตรามาตรฐานสำหรับสินเชื่อเคหะ แต่ปรากฏว่า มันไม่ได้ถูกแตะต้องโดยยังคงอยู่ที่ 4.2%

สัปดาห์ที่แล้วแบงก์ชาติจีนได้สร้างความประหลาดใจด้วยการลดทั้งดอกเบี้ยระยะสั้นและระยะกลาง

แคทเธอลีน เยือง ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุนของฟิเดลิตี้ อินเตอร์เนชันแนล มองว่า ยังอาจมีการประกาศลดดอกเบี้ยอีกควบคู่กับการออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาล และมาตรการที่กำหนดเป้าหมายเฉพาะเพื่อช่วยฟื้นตลาดอสังหาริมทรัพย์

อย่างไรก็ดี เธอระบุว่า ขณะที่ปักกิ่งพยายามฟื้นความเชื่อมั่น แต่พวกเขาก็ยังต้องคำนึงถึงผลระยะยาวจากนโยบายเหล่านั้น

สัปดาห์ที่แล้วปัญหาร้ายแรงในตลาดอสังหาริมทรัพย์จีน ได้รับการตอกย้ำจากการที่ผู้เล่นยักษ์ใหญ่อย่างกลุ่มเอเวอร์แกรนด์ ยื่นข้อความคุ้มครองตามกฎหมายล้มละลายในอเมริกา

โดยที่เอเวอร์แกรนด์ซึ่งแบกหนี้สินก้อนมหึมา และได้ผิดนัดชำระหนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว กำลังต่อรองทำความตกลงกับพวกเจ้าหนี้หลายรายครอบคลุมหนี้สินเป็นหมื่นๆ ล้านดอลลาร์

ไม่เพียงเท่านั้น ต้นเดือนนี้ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ที่สุดอีกแห่งของจีนคือ คันทรี การ์เด้น เตือนว่า อาจขาดทุนถึง 7,600 ล้านดอลลาร์ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้

สัปดาห์เดียวกันนั้น ตัวเลขของทางการเผยให้เห็นว่า เศรษฐกิจจีนเข้าสู่ภาวะเงินฝืดเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภคอย่างเป็นทางการได้ลดลง 0.3% เมื่อเดือนที่แล้ว

เดือนกรกฎาคมเช่นเดียวกัน ยอดนำเข้าและส่งออกของจีนทรุดฮวบ เนื่องจากดีมานด์ทั่วโลกซบเซา และเรื่องนี้เห็นกันว่าเป็นภัยคุกคามต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของจีน

ปักกิ่งยังสั่งระงับไม่ให้เปิดเผยอัตราว่างงานในกลุ่มหนุ่มสาว ซึ่งบางคนตีความว่า เป็นการส่งสัญญาณว่าประเทศเข้าสู่ภาวะชะลอตัว

ทั้งนี้ เดือนมิถุนายนซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายที่ยังมีการรายงานตัวเลข อัตราว่างงานในกลุ่มหนุ่มสาวอายุ 16-24 ปีในเขตเมืองทำสถิติสูงสุดที่เกิน 20%

ในวันจันทร์ (21) เงินหยวนอ่อนค่าลง และตลาดหุ้นจีนร่วงเป็นแถว โดยทั้งดัชนีซีเอสไอ300 ของตลาดเซี่ยงไฮ้ และดัชนีฮั่งเส็งของตลาดฮ่องกง รูดลงสู่ระดับต่ำสุดนับจากปลายเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยพวกนักวิเคราะห์ตีความว่า การขึ้นดอกเบี้ยสำคัญเพียงเล็กน้อย ตลอดจนความพยายามในการฟื้นดีมานด์ของปักกิ่ง ยังไม่อาจทำให้นักลงทุนประทับใจ

มาซายูกิ คิชิคาวะ หัวหน้านักยุทธศาสตร์มหภาคของซูมิโตโม มิตซุย ดีเอส แอสเส็ต แมเนจเมนต์ มองว่า การที่จีนจำกัดขนาดและขอบเขตในการลดดอกเบี้ยอาจเนื่องมาจากกังวลกับความกดดันด้านลบต่อเงินหยวนที่เมื่อวันจันทร์อ่อนลงอยู่ที่ราว 7.30 หยวนต่อดอลลาร์ แม้ว่าก่อนหน้านี้ปักกิ่งจะประกาศฟื้นเสถียรภาพค่าเงินก็ตาม

ตัวเลขเศรษฐกิจที่มืดมนซึ่งทยอยออกมาเป็นชุดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดแรงบีบคั้นทางการจีนมากขึ้น โดยต้องการให้ต้องออกมาตรการฟื้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ที่ครอบคลุมด้านต่างๆ อย่างกว้างขวาง ทว่าพวกผู้วางนโยบายในปักกิ่งยังมีท่าทีไม่เห็นด้วย

ตรงกันข้าม พวกผู้มีอำนาจรับชอบของจีนได้หันไปใช้วิธีประกาศขั้นตอนต่างๆ ในการส่งเสริมฟื้นฟูภาคเอกชน ซึ่งได้รับผลกระทบหนักเป็นพิเศษในช่วงโรคระบาดใหญ่ ตลอดจนในการส่งเสริมฟื้นฟูการบริโภค ถึงแม้สิ่งเหล่านี้ยังไม่มีผลปรากฏออกมาให้เห็นเด่นชัด

การที่เศรษฐกิจชะลอตัวลง กำลังคุกคามว่าจีนอาจไม่สามารถทำตามเป้าหมายในการเติบโตให้ได้ราวๆ 5% ที่ตั้งเอาไว้สำหรับปีนี้ ทั้งนี้แม้กระทั่งว่าทำได้สำเร็จ มันก็ยังคงเป็นหนึ่งในอัตราการเติบโตต่อปีที่ต่ำที่สุดของจีนในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา โดยไม่นับช่วงโควิดซึ่งสถานการณ์ย่ำแย่เลวร้ายสุดๆ

ปักกิ่งออกมายอมรับในวันพุธ (16) ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจประสบ “ความยากลำบาก” แต่ก็วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงใส่พวกคอมเมนเตเตอร์ชาวตะวันตกว่ามองโลกในแง่ร้าย ที่แสดงความสงสัยความสามารถในการเติบโตของเศรษฐกิจจีน

“ในท้ายที่สุด พวกเขาจะถูกพิสูจน์ว่าเป็นฝ่ายที่ผิดพลาดอย่างแน่นอน” เป็นคำกล่าวของ หวัง เหวินปิน โฆษกผู้หนึ่งของกระทรวงการต่างประเทศจีน

(ที่มา: บีบีซี, เอเอฟพี)
กำลังโหลดความคิดเห็น