จีนระบุการรวมชาติกับไต้หวันยังคงเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แม้ ไล่ ชิงเต๋อ จากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้ง ปธน.เมื่อวันเสาร์ (13 ม.ค.) ขณะว่าที่ผู้นำรายนี้ต้องเจองานยากลำบากตั้งแต่แรกเริ่ม เมื่อพรรคของเขาสูญเสียเสียงข้างมากในสภานิติบัญญัติ
ไล่ ซึ่งเคยถูกปักกิ่งตราหน้าว่าเป็นภัยคุกคามสันติภาพในภูมิภาคที่เป็นจุดวาบไฟแห่งนี้ คว้าชัยชนะกลายเป็นตัวแทนจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ที่ครองเก้าอี้ประธานาธิบดีเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน ในศึกเลือกตั้งเมื่อวันเสาร์ (13 ม.ค.) หลังการรณรงค์หาเสียงอันเข้มข้น ที่เขาวาดภาพตนเองในฐานะผู้ปกป้องวิถีชีวิตประชาธิปไตยของไต้หวัน
ในถ้อยแถลงที่เผยแพร่หลังจากทราบผลว่า ไล่ เป็นผู้ชนะ โฆษกสำนักงานกิจการไต้หวันของคณะรัฐบาลจีน เฉิน ปินหวา ระบุว่า ผลการเลือกตั้ง "จะไม่เป็นอุปสรรคขัดขวางแนวโน้มที่ไม่อาจหลีกหลี่ยงได้ของการรวมชาติของจีน" ตามรายงานของสำนักข่าวซินหัว
เฉิน บอกว่าผลการเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า "ไม่สามารถเป็นตัวแทนความคิดเห็นกระแสหลักของประชาชนบนเกาะแห่งนี้" นอกจากนี้ เฉิน ยังบอกอีกว่า ผลเลือกตั้ง "จะไม่เปลี่ยนภูมิทัศน์พื้นฐานและแนวโน้มพัฒนาการของความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบ"
"จุดยืนของปักกิ่งในการรวมชาติให้เป็นจริง ยังคงมั่นคง และความมุ่งมั่นของเรายังคงหนักแน่นอย่างหินผา" เขากล่าว พร้อมระบุว่า "ไต้หวัน คือไต้หวันของจีน"
นอกจากนี้ เฉิน ยังกล่าวด้วยว่าปักกิ่ง "คัดค้านอย่างหนักแน่นต่อความเคลื่อนไหวของพวกแบ่งแยกดินแดนที่มีเป้าหมายความเป็นเอกราชของไต้หวัน เช่นเดียวกับการแทรกแซงของต่างชาติ"
ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ได้รับการจับตาอย่างใกล้ชิดจากทั้งปักกิ่งและวอชิงตัน พันธมิตรทางทหารหลักของไต้หวัน ในขณะที่ 2 ชาติมหาอำนาจกำลังเปิดศึกแย่งชิงอิทธิพลเหนือภูมิภาคยุทธศาสตร์อันสำคัญนี้
ในการกล่าวสุนทรพจน์ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ระบุว่าการรวมชาติไต้หวันเข้ากับจีนเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และก่อนหน้าศึกเลือกตั้ง ปักกิ่งเตือนว่า ไล่ เป็นตัวอันตรายร้ายแรง ซึ่งจะเป็นภัยคุกคามสันติภาพ ด้วยการเดิมตามเส้นทางปีศาจของแห่งการประกาศเอกราช
หลังการนับคะแนนในทุกหน่วยเลือกตั้งเสร็จสิ้น คณะกรรมการการเลือกตั้งเปิดเผยว่า ไล่ ได้รับคะแนนเสียง 40.1% เอาชนะ โหวโหย่วอี๋ จากพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) ที่ได้คะแนนเสียง 33.5% ส่วนเคอเหวินเจ๋อ จากพรรคประชาชนไต้หวัน (TPP) ตามมาเป็นอันดับ 3 ได้รับคะแนนเสียง 26.5%
ระหว่างหาเสียงเลือกตั้งพรรคก๊กมินตั๋งและพรรค TPP พยายามบรรลุข้อตกลงเป็นขุมกำลังร่วมต่อต้านพรรค DPP แต่การเป็นพันธมิตรพังครืนลงจากประเด็นโต้เถียงอันเผ็ดร้อน ว่าใครควรเป็นผู้นำในการชิงตั๋วประธานาธิบดี
แม้เพิ่งได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่ ไล่ ต้องเผชิญกับปัญหาปวดหัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อในศึกเลือกตั้งสภานิติบัญญัติ ที่จัดพร้อมกับการเลือกตั้งประธานาธิบดี ผลปรากฏว่าพรรค DPP สูญเสียเสียงข้างมากในรัฐสภา
คณะกรรมการการเลือกตั้งของไต้หวันระบุว่า พรรรคก๊กมินตั๋ง คว้าไปได้ 52 ที่นั่ง ส่วนพรรค DPP ได้ไป 51 ที่นั่ง พรรค TPP คว้าไป 8 ที่นั่ง และอีก 2 ที่นั่งเป็นผู้สมัครอิสระ
(ที่มา : เอเอฟพี)