จีนปล่อยดาวเทียมซึ่งบินเหนือไต้หวันเมื่อขึ้นไปอยู่ในระดับสูงมากแล้ว กระนั้นก็ทำให้ทางการไทเปรีบออกมาเตรียมภัยถูกโจมตีทางอากาศ จนจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทางการเมืองอย่างดุเดือด ก่อนที่ทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันออกมาแถลง ไม่ได้มองเรื่องนี้ว่าคือความพยายามแทรกแซงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีของเกาะแห่งนี้ที่จะมีขึ้นในวันเสาร์ (13 ม.ค.) ทางด้านจีนกล่าวหาพรรครัฐบาลไต้หวันในวันพุธ (10) ว่า จงใจ “สร้างความตื่นตระหนก”
ทางการไต้หวันได้ออกประกาศเตือนภัยทางอากาศเมื่อวันอังคาร (9) หลังจากจรวดของจีนซึ่งนำดาวเทียมทางวิทยาศาสตร์ขึ้นสู่วงโคจรได้บินผ่านตอนใต้ของเกาะที่ระดับความสูงมากกว่า 500 กิโลเมตร ซึ่งต่อมากระทรวงกลาโหมไต้หวันได้ออกมาขออภัยที่เลือกใช้ถ้อยคำภาษาอังกฤษผิดพลาด โดยบอกว่ามันเป็น ‘missile’ หรือขีปนาวุธ
หลังจากที่ถูกตั้งคำถามว่ามองการปล่อยดาวเทียมของจีนว่าเป็นการแทรกแซงศึกเลือกตั้งหรือไม่อย่างไร? ทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันได้ออกมาให้ตอบว่า “ไม่ได้มองเช่นนั้น”
“ทีมงานด้านความมั่นคงแห่งชาติของเราได้วิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงประเมินข้อมูลที่ได้จากพันธมิตรหลายชาติ พบว่าเรื่องแรงจูงใจทางการเมืองสามารถตัดออกไปได้เลย” คำแถลงจากทำเนียบประธานาธิบดีที่เผยแพร่เมื่อก่อนเที่ยงคืนวันอังคาร (9) ระบุ
ไต้หวันออกมาย้ำหลายครั้งว่า รัฐบาลจีนมีความพยายามแทรกแซงศึกเลือกตั้งผ่านทุกๆ ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นทางทหาร การเมือง เศรษฐกิจ และอื่นๆ ขณะที่ปักกิ่งชี้ว่าข้อกล่าวหาเหล่านี้เป็น “แผนสกปรก” ที่มุ่งทำให้จีนกลายเป็นผู้ร้าย
ในวันอังคาร รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวันอยู่ระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ขณะที่โทรศัพท์มือถือขึ้นคำเตือนเป็นภาษาจีนว่า จีนมีการปล่อยดาวเทียม แต่กลับใช้คำว่า ‘มิสไซล์’ ในภาษาอังกฤษ
รัฐมนตรีผู้นี้บอกว่า นี่คือพฤติกรรม “ข่มขู่” ของจีน ไม่ต่างจากกรณีที่บอลลูนจีนลอยผ่านน่านฟ้าไต้หวันหลายครั้งในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ด้านพรรคฝ่ายค้านก๊กมินตั๋ง (KMT) ออกมาตำหนิรัฐบาลไทเปในวันเดียวกัน (9) โดยระบุว่า การแจ้งเตือนภัยกรณีจีนปล่อยดาวเทียม “ไม่ควรถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือหาเสียง”
“พรรคก๊กมินตั๋งสนับสนุนการเตือนภัยระดับชาติเพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูล แต่ก็ควรมีมาตรฐานที่ชัดเจนว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอันตรายต่อไต้หวันจริงหรือไม่”
“หากคำเตือนถูกส่งออกไปแบบมั่วซั่ว ประชาชนก็จะอดคิดไม่ได้ว่า มีเจตนาหวังผลในการเลือกตั้งหรือไม่”
กระทรวงกลาโหมไต้หวันแถลงเมื่อค่ำวันอังคาร (9) ว่า เศษชิ้นส่วนจรวดตกลงในน่านน้ำของจีนเอง และจรวดลำนี้นำดาวเทียมเดินทางขึ้นสู่วงโคจรรอบโลก “ตามวิถีปกติ”
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของไต้หวันซึ่งไม่ประสงค์ออกนามให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ว่า โดยปกติแล้วจรวดส่งดาวเทียมของจีนมักใช้เส้นทางใกล้ๆ เกาะไต้หวัน แต่ไม่ได้ผ่านโดยตรง ดังนั้นที่ผ่านมาจึงไม่จำเป็นต้องออกคำเตือน เพราะไม่มีความเสี่ยงเรื่องเศษชิ้นส่วนที่อาจตกลงมาเป็นอันตรายต่อผู้คน
“แต่ครั้งนี้เส้นทางแตกต่างจากที่คาดการณ์เอาไว้ และผ่านเหนือน่านฟ้าเราจริงๆ สาเหตุที่ต้องส่งคำเตือนออกไปก็เพราะเกรงว่าจะมีชิ้นส่วนอะไรร่วงลงมา” แหล่งข่าวระบุ
ทว่า โจนาธาน แมคโดเวลล์ นักดาราฟิสิกส์แห่ง ศูนย์ฮาร์วาร์ด-สมิธโซเนียนเพื่อดาราฟิสิกส์ ซึ่งเฝ้าติดตามการปล่อยจรวดและดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศ บอกกับรอยเตอร์ว่า จรวดส่งดาวเทียมของจีนลำนี้ ท่อนแรกของมันตกลงมาภายในจีน ส่วนท่อนที่สองได้บินผ่านไต้หวันในความสูงซึ่งสามารถเทียบได้กับความสูงของสถานีอวกาศนานาชาติ (ไอเอสเอส)
“มันอยู่ห่างไกลขึ้นไปมากในอวกาศ และจริงๆ แล้วมันเข้าสู่วงโคจรอย่างถูกต้องแล้วก่อนที่จะข้ามออกจากชายฝั่งของแผ่นดินใหญ่จีน ดังนั้นผมคิดว่านี่เป็นการแสดงปฏิกิริยาแบบเกินเลยไปของไต้หวัน ดาวเทียมทั้งหลายนั้นต่างบินข้ามเหนือท้องฟ้าไต้หวันกันอยู่ทุกๆ วันนั่นแหละ” เขากล่าว
เคอ เหวินเจ๋อ อดีตนายกเทศมนตรีกรุงไทเปจากพรรคประชาชนไต้หวัน (TPP) ซึ่งเข้าร่วมชิงชัยในสนามเลือกตั้งประธานาธิบดีเช่นกัน ได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กว่า สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดในความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบก็คือความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุ
“ความเข้าใจผิดในวันนี้เป็นเครื่องยืนยันว่าทั้ง 2 ฝ่ายยังขาดกลไกการพูดคุยขั้นพื้นฐาน ซึ่งอาจทำให้มีการตัดสินใจผิดพลาดในห้วงเวลาสำคัญๆ และนำไปสู่วิกฤตการณ์ที่ร้ายแรงได้” เคอ กล่าว
ทั้งพรรค TPP และก๊กมินตั๋งต่างชูนโยบายรื้อฟื้นการเจรจากับจีนแผ่นดินดินใหญ่ หากผู้สมัครของตนได้เป็นประธานาธิบดีไต้หวัน
ในวันพุธ เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้ตอบคำถามเรื่องนี้ระหว่างการแถลงข่าวตามปกติที่ปักกิ่ง โดยเธอกล่าวหาพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า หรือ DPP ที่เป็นพรรครัฐบาลไต้หวันเวลานี้ว่า “จงใจสร้างความตื่นตระหนก”
“ดิฉันคิดว่าทุกๆ คนต่างเข้าใจชัดเจนดีว่าพวกผู้กุมอำนาจของ DPP มีจุดมุ่งหมายอะไรอยู่ในใจในการพยายามชักนำสาธารณชนให้เข้าใจผิดในครั้งนี้” เธอกล่าว
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี)
