ไต้หวันสั่งตั้งคณะทำงานถอดบทเรียนกรณีกลุ่มติดอาวุธฮามาสเปิดฉากโจมตีอิสราเอลแบบสายฟ้าแลบเมื่อวันที่ 7 ต.ค. พร้อมระบุว่า “ข่าวกรอง” ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยยับยั้งไม่ให้เกิดสงครามขึ้น ในขณะที่ไทเปเองวางแผนป้องกันการรุกรานจากจีน
ไต้หวันเผชิญแรงกดดันทางทหารและการเมืองจากปักกิ่งอย่างหนักในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการที่จีนเปิดซ้อมรบใหญ่รอบเกาะแห่งนี้ถึง 2 ครั้งตั้งแต่เดือน ส.ค.ปีที่แล้ว จนทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าความขัดแย้งอาจทวีความรุนแรงจนส่งผลกระทบกระเทือนไปทั่วโลก
แม้ภัยคุกคามที่ไต้หวันเผชิญจากจีนกับสถานการณ์ระหว่างอิสราเอลกับฮามาสจะมีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร ยกตัวอย่างเช่นจีนจำเป็นต้องข้ามช่องแคบไต้หวันหากคิดที่จะบุกเกาะประชาธิปไตยแห่งนี้ ทว่าสงครามที่เกิดขึ้นก็ทำให้หลายฝ่ายเริ่มตระหนักถึงความเป็นไปได้ที่จีนอาจจะจู่โจมไต้หวันในลักษณะคล้ายๆ กัน
ชิว กั๋วเจิ้ง (Chiu Kuo-cheng 邱国正) รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมไต้หวัน ให้สัมภาษณ์สื่อที่รัฐสภาวันนี้ (12 ต.ค.) เกี่ยวกับ “บทเรียน” ที่ไต้หวันได้รับจากกรณีความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ซึ่ง ชิว ระบุว่าทางกระทรวงได้สั่งตั้งคณะทำงานเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดแล้ว
“ประการแรกคืองานข่าวกรองเป็นสิ่งสำคัญมาก หากเรามีข่าวกรองที่ดีก็จะสามารถเตรียมมาตรการป้องกันต่างๆ ได้ และสามารถหลีกเลี่ยงสงครามได้” ชิว กล่าว
รัฐมนตรีกลาโหมไต้หวันระบุด้วยว่า การสู้รบระหว่างอิสราเอลและฮามาสชี้ให้เห็นถึงความโหดร้ายน่ากลัวของสงคราม และแม้ไต้หวันจะยกระดับศักยภาพกองทัพให้อยู่ในสภาวะพร้อมรบ (combat readiness) แต่ก็ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง
“ทุกคนต่างคาดหวังเหมือนๆ กันว่าสงครามเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง” เขากล่าว
รัฐบาลไต้หวันได้แถลงประณามปฏิบัติการโจมตีของฮามาส โดยประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ยืนยันว่าไทเปมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับประเทศซึ่งมีแนวคิดตรงกันในการต่อสู้ภัยคุกคามและความรุนแรง รวมถึงปกป้องเสรีภาพและระบอบประชาธิปไตย”
ไต้หวันจะมีการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาและประธานาธิบดีในเดือน ม.ค.ปีหน้า โดยพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) ที่เป็นพรรคฝ่ายค้านหลักได้ชูแนวคิดให้คนไต้หวันเลือกระหว่างสงครามกับสันติภาพ พร้อมกล่าวหาพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ของ ไช่ อิงเหวิน ว่านำพาไต้หวันมาสู่ขอบเหวแห่งสงครามด้วยการยั่วยุจีนต่างๆ นานา ซึ่งรัฐบาล ไช่ ปฏิเสธว่าไม่จริง
อดีตนายกรัฐมนตรี สก็อตต์ มอร์ริสัน แห่งออสเตรเลีย กล่าวในเวทีเสวนาที่กรุงไทเปเมื่อวานนี้ (11 ต.ค) ว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ไต้หวันจะต้องเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวเพื่อรับมือภัยคุกคามต่างๆ (resilience) ทว่าไทเปเองก็จำเป็นที่จะต้อง “ทำมากกว่านี้”
“ไต้หวันต้องแสดงออกถึงความจำเป็นเร่งด่วนนั้นด้วย อิสราเอลเป็นประเทศที่เล็กกว่าไต้หวันและเผชิญภัยคุกคามอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเช่นกัน... แต่พวกเขาทุ่มงบประมาณเพื่อป้องกันตนเองสูงกว่าไต้หวันหลายเท่า” มอร์ริสัน กล่าวต่อบรรดาผู้ฟัง ซึ่งรวมถึงรัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวัน โจเซฟ อู๋
ไต้หวันจัดสรรงบประมาณด้านกลาโหมสำหรับปีหน้าเอาไว้ที่ 2.5% ของจีดีพี ในขณะที่งบด้านการทหารของอิสราเอลในปีนี้สูงถึง 4.5% ของจีดีพี ตามข้อมูลจากสถาบันวิจัยสันติภาพแห่งชาติสตอกโฮล์ม (SIPRI)
ที่มา : รอยเตอร์