ดมิตรี เมดเวเดฟ หนึ่งในพันธมิตรคนสนิทของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ฝากคำเตือนถึงรัฐบาลอังกฤษวานนี้ (12 ม.ค.) ว่าหากอังกฤษมีการส่งกองกำลังเข้าไปในยูเครน จะถือว่าจงใจ “ประกาศสงคราม” กับรัสเซีย
คำขู่ของ เมดเวเดฟ ซึ่งเป็นอดีตประธานาธิบดี และปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซีย มีขึ้นหลังจากที่นายกรัฐมนตรี ริชี ซูแน็ก แห่งอังกฤษเดินทางไปเยือนกรุงเคียฟ พร้อมประกาศจะอัดฉีดเงินสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อช่วยยูเครนจัดซื้อโดรนทางทหาร
“ผมหวังว่าพวกศัตรูตลอดกาลของเรา โดยเฉพาะชาติที่เย่อหยิ่งจองหองอย่างอังกฤษ คงเข้าใจดีว่าการส่งกองกำลังเข้าไปในยูเครนแบบเป็นทางการจะเท่ากับประกาศสงครามกับประเทศของเรา” เมดเวเดฟ โพสต์ข้อความผ่านแอปเทเลแกรม
อดีตผู้นำหมีขาวรายนี้ซึ่งนักการทูตส่วนใหญ่ชี้ว่าเป็นกระจกสะท้อนมุมมองของพวกผู้นำสูงสุดเครมลิน ยังตั้งคำถามด้วยว่า คนในโลกตะวันตกจะรู้สึกอย่างไรหากคณะของ ซูแน็ก ถูกยิงถล่มด้วยกระสุน “คลัสเตอร์บอมบ์” ที่ใจกลางกรุงเคียฟ เหมือนที่เพิ่งเกิดขึ้นกับพลเรือนรัสเซียในเมืองเบลโกร็อด (Belgorod)
เบลโกร็อดเป็นเมืองตอนใต้ของรัสเซียที่อยู่ใกล้ชายแดนยูเครน และถูกกองกำลังเคียฟส่งจรวดและโดรนเข้าไปโจมตีอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
สิ่งที่ เมดเวเดฟ อ้างถึงคือเหตุการณ์เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งรัสเซียอ้างว่ากองทัพยูเครนใช้คลัสเตอร์บอมบ์ยิงถล่ม “แบบไม่เลือกหน้า” ใส่เมืองเบลโกร็อด จนทำให้มีประชาชนเสียชีวิตไปอย่างน้อย 20 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 2 คน และยังมีพลเรือนบาดเจ็บระนาวอีก 111 คน
สำนักข่าว RBC-Ukraine อ้างแหล่งข่าวซึ่งระบุว่า กองทัพยูเครนได้โจมตีเป้าหมายทางทหารในเบลโกร็อดแบบเฉพาะเจาะจง โดยเป็นการตอบโต้ที่รัสเซียเปิดฉากยิงถล่มเมืองต่างๆ ทั่วยูเครนเมื่อ 1 วันก่อนหน้า
รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ตัดสินใจส่งมอบกระสุนคลัสเตอร์ให้แก่ยูเครนโดยไม่สนเสียงวิจารณ์จากนักสิทธิมนุษยชน โดยอ้างว่าเป็นมาตรการอุดช่องโหว่ระหว่างที่สหรัฐฯ และพันธมิตรกำลังขาดแคลนกระสุนปกติ พร้อมอ้างว่าเคียฟได้รับปากแล้วว่าจะนำอาวุธร้ายแรงชนิดนี้ไปใช้ “อย่างรับผิดชอบ” และหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีพลเรือนอาศัยอยู่หนาแน่น
ที่มา : รอยเตอร์