รัสเซียออกมาเตือนวานนี้ (12 ธ.ค.) ว่าอเมริกาไม่สามารถพลิกสถานการณ์ให้ยูเครนกลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบในสงครามได้ ต่อให้จะทุ่มเงินช่วยเหลืออีกกี่หมื่นล้านดอลลาร์ก็ตามที
คำแถลงจากทำเนียบเครมลินมีขึ้น ในขณะที่ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนเตรียมเข้าอ้อนวอนประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ และผู้นำสภาคองเกรสให้อนุมัติความช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่เคียฟ ท่ามกลางกระแสคัดค้านจากสมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนที่มองว่าสหรัฐฯ ใช้จ่ายเงินเพื่อยูเครนมากเกินไปแล้ว
ดมิตรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ระบุว่า รัสเซียกำลังเฝ้าจับตาดูผลการหารือระหว่าง เซเลนสกี กับบรรดาผู้นำสหรัฐฯ ที่วอชิงตัน “อย่างใกล้ชิด”
“เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกฝ่ายควรเข้าใจว่า เม็ดเงินหลายหมื่นล้านดอลลาร์ที่ถูกอัดฉีดเข้าสู่ยูเครนไม่ได้ช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จในสนามรบ” เปสคอฟ ระบุในงานแถลงข่าว
"เงินอีกหลายหมื่นล้านดอลลาร์ที่ยูเครนหวังว่าจะได้มาอัดฉีดเศรษฐกิจของพวกเขา ก็จะสูญเปล่าไม่ต่างกัน มันไม่สามารถพลิกสถานการณ์ในสนามรบ และไม่สามารถหยุดยั้งความก้าวหน้าของปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียได้ด้วย”
มอสโกเรียกสงครามครั้งนี้ว่าเป็นเพียงปฏิบัติการพิเศษทางทหาร (special military operation) เพื่อทำให้ยูเครนกลายเป็นรัฐปลอดทหารและขจัดภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ด้านความมั่นคงของรัสเซีย ในขณะที่เคียฟและชาติตะวันตกชี้ว่าเปิดศึกรุกรานโดยปราศจากการถูกยั่วยุ โดยหวังที่จะยึดดินแดนของชาติอื่น
เปสคอฟ ยังระบุด้วยว่า ความล้มเหลวของยูเครนในสนามรบทำให้สถานะผู้นำของ เซเลนสกี กำลังง่อนแง่นลงเรื่อยๆ
ความช่วยเหลืองวดถัดไปสำหรับยูเครนถูกยับยั้งเอาไว้ด้วยข้อเรียกร้องของ ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน รวมถึงสมาชิกรัฐสภารีพับลิกันอีกหลายคนที่ยืนยันเสียงแข็งว่าจะไม่ยอมอนุมัติความช่วยเหลือเคียฟเพิ่มเติมจนกว่ารัฐบาล ไบเดน จะเพิ่มมาตรการคุมเข้มพรมแดนฝั่งที่ติดกับเม็กซิโก
รัสเซียยังคงควบคุมดินแดนราว 1 ใน 5 ของยูเครน และเส้นแบ่งแนวหน้าก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก แม้ว่ากองทัพยูเครนจะเปิดปฏิบัติการโจมตีตอบโต้รัสเซีย (counteroffensive) มานานหลายเดือนแล้วก็ตาม
ที่มา: รอยเตอร์