เอเอฟพี - เจเอแอลระบุ นักบินของบริษัทไม่เห็นเครื่องบินอีกลำก่อนที่จะชนกัน นอกจากนั้น ยังไม่เห็นว่าไฟลุกไหม้เครื่องบินจนกระทั่งได้รับแจ้งจากลูกเรือ ทั้งนี้ จากข้อมูลการสื่อสารของเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินพบว่า นักบินเจเอแอลได้รับอนุญาตให้ลงจอด ขณะที่เครื่องบินของหน่วยยามฝั่งได้รับคำสั่งให้จอดรอใกล้รันเวย์
เครื่องบินของเจแปน แอร์ไลน์ส (เจเอแอล) ชนกับเครื่องบินของหน่วยยามฝั่งญี่ปุ่นหลังจากลงจอดที่สนามบินฮาเนดะในโตเกียวเมื่อเย็นวันอังคาร (2 ม.ค.) โดยที่เครื่องบินของหน่วยยามฝั่งเตรียมนำเครื่องขึ้นจากรันเวย์เดียวกัน ส่งผลให้ลูกเรือของหน่วยยามฝั่งเสียชีวิต 5 คน เหลือรอดเพียงคนเดียวคือนักบิน ขณะที่ลูกเรือและผู้โดยสารของเจเอแอลปลอดภัยทั้งหมด มีเพียง 2 คนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
โฆษกของเจเอแอลแถลงเมื่อวันพฤหัสบดี (4 ม.ค.) ว่า นักบินทั้ง 3 คนไม่เห็นเครื่องบินอีกลำ แม้หนึ่งในนั้นบอกว่า เห็น “วัตถุ” ก่อนชนแทบจะในทันทีก็ตาม
แถลงการณ์ยังแจกแจงว่า นักบินรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกในเสี้ยววินาทีที่นำเครื่องบินลงจอดและล้อหน้าสัมผัสหรือเกือบจะสัมผัสพื้นรันเวย์
สถานีทีวีเอ็นเอชเครายงานว่า หัวหน้าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ซึ่งเป็น 1 ใน 9 ลูกเรือทั้งหมดบนเครื่อง รายงานไปยังห้องนักบินว่า ไฟลุกไหม้เครื่องบินและจำเป็นต้องขออนุญาตเปิดทางออกฉุกเฉิน ซึ่งในขณะนั้นห้องโดยสารเต็มไปด้วยควันและอุณหภูมิสูงขึ้น ทารกร้องเซ็งแซ่ และผู้โดยสารพากันขอให้เปิดประตูเครื่อง
เครื่องบินมีทางออกฉุกเฉิน 8 ทางออก แต่การอพยพเริ่มต้นจากทางออกฉุกเฉิน 2 ทางออกด้านหน้าเครื่องบินเนื่องจากไฟลุกไหม้
ต่อมาลูกเรือช่วยกันเปิดทางออกที่ 3 ที่ด้านหลัง เนื่องจากระบบอินเตอร์คอมขัดข้องทำให้ไม่สามารถแจ้งให้นักบินเปิดให้ได้
ลูกเรือใช้เวลา 18 นาทีในการอพยพผู้โดยสารทั้งหมด โดยคนสุดท้ายคือนักบินที่ลงถึงพื้นเมื่อเวลา 18.05 น. ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานเครื่องบินระเบิด และเจ้าหน้าที่ใช้เวลาดับเพลิงนานถึง 8 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน พนักงานสอบสวนของญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อังกฤษ และแคนาดากำลังเร่งสอบสวนหาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้
รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่พบเครื่องบันทึกข้อมูลการบินและเครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบินในเครื่องบินของหน่วยยามฝั่งแล้ว ส่วนของเจเอแอลนั้นพบเพียงเครื่องบันทึกข้อมูลการบินเท่านั้น
ขณะเดียวกัน กระทรวงคมนาคมญี่ปุ่นได้เผยแพร่การถอดเสียงการสื่อสารของเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินที่แสดงให้เห็นว่า เจเอแอลได้รับอนุญาตให้ลงจอด ขณะที่เครื่องบินของหน่วยยามฝั่งได้รับคำสั่งให้จอดรอใกล้รันเวย์
ก่อนหน้านี้ เอ็นเอชเครายงานว่า เกนกิ มิยาโมโตะ วัย 39 ปี นักบินของหน่วยยามฝั่ง เปิดเผยหลังเกิดอุบัติเหตุแทบจะในทันทีว่า ตนได้รับอนุญาตให้นำเครื่องขึ้น
ทั้งนี้ เจเอแอลคาดว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ที่ทำให้เครื่องบินระเบิดเหลือแค่ซากมีค่าเสียหาย 105 ล้านดอลลาร์ ซึ่งน่าจะอยู่ในความคุ้มครองของประกันภัย และขณะนี้กำลังคำนวณความเสียหายต่อรายได้ของบริษัท ทั้งนี้ ญี่ปุ่นไม่มีเหตุการณ์เครื่องบินพาณิชย์ตกครั้งร้ายแรงมาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา
อุบัติเหตุรุนแรงก่อนหน้านี้เกิดขึ้นในปี 1985 ที่เครื่องบินจัมโบ้เจ็ตของเจเอแอลที่ออกเดินทางจากโตเกียวมุ่งหน้าโอซากาตก ส่งผลให้ผู้โดยสารและลูกเรือ 520 คนเสียชีวิต และถือเป็นหนึ่งในอุบัติเหตุเครื่องบินตกครั้งรุนแรงที่สุดของโลกที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินเพียงลำเดียว
หายนะในแวดวงการบินพลเรือนครั้งเลวร้ายที่สุดของโลกเกิดขึ้นบนพื้นเช่นเดียวกัน นั่นคือเมื่อเครื่องโบอิ้ง 747 สองลำชนกันที่สนามบินลอสโรเดโอส บนเกาะเตเนรีเฟของสเปนในปี 1977 ที่มีผู้เสียชีวิต 583 คน