โดรนโจมตีลำหนึ่งล็อคเป้าเล่นงานฐานทัพทหารแห่งหนึ่งในทางเหนือของอิรัก ที่ถูกใช้งานโดยสหรัฐฯและกองกำลังพันธมิตรต่อต้านญิฮาด เบื้องต้นยังอยู่ระหว่างประเมินผู้บาดเจ็บและความเสียหาย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่อเมริกาและอิรัก ในเหตุโจมตีกำลังพลสหรัฐฯในตะวันออกกลางรอบล่าสุด นับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับฮามาสเริ่มต้นขึ้น
เหตุโจมตีที่เล็งเป้าหมายเล่นงานกองกำลังพันธมิตร ซึ่งถูกส่งเข้าประจำการในอิรัก เพื่อต่อสู้กับกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส) เพิ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่สงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม
ถ้อยแถลงของ เยเฮีย ราซูล โฆษกด้านกิจการทหารของนายกรัฐมนตรีอิรัก ระบุว่าเหตุการณ์ในวันจันทร์(25ธ.ค.) โดรนลำหนึ่งมุ่งหน้าเข้าหาฐานทัพแห่งหนึ่งใกล้สนามบินอาร์บิล ในเขตปกครองตนเองเคอร์ดิสถานของอิรัก พร้อมบอกว่าการโจมตีทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
เจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯนายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม ยืนยันกับเอเอฟพีว่ามีเหตุโดรนลำหนึ่งเปิดฉากโจมตีใส่กองกำลังสหรัฐฯและกองกำลังพันธมิตรที่ฐานทัพอากาศ และบอกต่อว่า "เราอยู่ระหว่างประเมินผู้ได้รับบาดเจ็บและความเสียหาย(ถ้ามี)"
ไม่นานหลังจากเหตุโดรนโจมตี ขบวนการต่อต้านเพื่ออิสลาม (Islamic Resistance) ในอิรัก ออกมาอ้างว่าได้ปล่อยโดรนลำหนึ่งโจมตีฐานทัพอีกแห่ง ติดกับเมืองฮารีร์ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองอาร์บิล โดยฐานทัพแห่งนี้เป็นที่ตั้งของกำลังพลสหรัฐฯและกองกำลังพันธมิตรเช่นกัน
ขบวนการต่อต้านเพื่ออิสลามในอิรัก คือขบวนการหลวมๆของกลุ่มติดอาวุธต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องกับอดีตกองกำลังกึ่งทหารที่มีชื่อเรียกเป็นภาษาอาหรับว่า ฮาเชด อัล-ชาอาบี (Hashed al-Shaabi) ที่เวลานี้ถูกรวมเข้ากับกองทัพประจำการของอิรัก
จากการนับของเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯ พบว่ามีเหตุโจมตีกำลังพลของพวกเขาในอิรักและซีเรีย แล้วมากกว่า 103 ครั้ง นับตั้งแต่วันที่ 17 ตุลาคมเป็นต้นมา
ส่วนใหญ่ในเหตุโจมตีนี้ อ้างความรับผิดชอบโดยขบวนการต่อต้านเพื่ออิสลามในอิรัก ซึ่งคัดค้านสหรัฐฯที่ให้การสนับสนุนอิสราเอล ในการทำสงครามกับพวกฮามาสในฉนวนกาซา
เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคม สถานทูตสหรัฐฯในแบกแดด ถูกเล่นงานด้วยจรวดลูกหนึ่ง ซึ่งถือเป็นเหตุโจมตีลักษณะดังกล่าวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามในกาซาเริ่มต้นขึ้น อย่างไรก็ตามไม่มีกลุ่มใดออกมาอ้างความรับผิดชอบ
ทำเนียบนายกรัฐมนตรีโมฮัมเหม็ด เชีย อัล-ซูดานี แถลงว่าได้จับกุมผู้ต้องสงสัยหลายรายและบอกว่าบางส่วนมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานด้านความมั่นคง
สหรัฐฯยังเหลือทหารประการในอิรักราวๆ 2,500 นายและในซีเรียอีก 900 นาย ขณะที่พันธมิตรนานาชาติที่สู้รบกับกลุ่มรัฐอิสลามมาตั้งแต่ปี 2014
(ที่มา:เอเอฟพี)