ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (13 พ.ย.) เปิดประตูสำหรับความเป็นไปได้ที่จะโจมตีกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอิหร่านอย่างไม่รามือ หากพวกนักรบเหล่านี้ไม่ยอมหยุดโจมตีกำลังพลของอเมริกาในอิรักและซีเรีย คำเตือนซึ่งมีขึ้นไม่กี่ชั่วโมง ตามหลังสหรัฐฯ เปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเล่นงานอิหร่านและกลุ่มต่างๆ ที่เป็นพันธมิตรกับเตหะราน
กองทัพสหรัฐฯ ทำการโจมตีทางอากาศในซีเรีย ครั้งที่ 3 ในรอบ 3 สัปดาห์ เมื่อวันอาทิตย์ (12 พ.ย.) ที่ผ่านมา โดยเล็งเป้าเล่นงานศูนย์ฝึกแห่งหนึ่งใกล้เมืองอัลบู คามาล และเซฟเฮาส์หลังหนึ่งใกล้เมืองมายาดีน พร้อมยืนยันว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นคนออกคำสั่งโจมตีดังกล่าว
การโจมตีดังกล่าวมีขึ้นตามหลังเกิดเหตุบรรดากองกำลังที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน โจมตีเล่นงานทหารสหรัฐฯ และพันธมิตรในอิรักและซีเรีย อย่างน้อย 40 ครั้ง ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดในภูมิภาคเกี่ยวกับสงครามอิสราเอล-ฮามาส ทั้งนี้มีกำลังพลสหรัฐฯ อย่างน้อย 45 รายที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยไปจนถึงบาดเจ็บทางสมอง
ออสติน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวระหว่างการแถลงข่าวในกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ ว่า "การโจมตีเหล่านี้ต้องหยุดลง และถ้าพวกเขาไม่หยุด เมื่อนั้นเราจะไม่ลังเลทำสิ่งที่จำเป็น และขอพูดอีกครั้ง สิ่งที่จำเป็นก็คือการปกป้องทหารของเรา"
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ เปิดเผยด้วยว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศหนล่าสุดในทางภาคตะวันออกของซีเรีย เป็นการเล็งเป้าหมายเล่นงานสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่ใช้งานโดยกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่านและกลุ่มต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง "การโจมตีนี้มีเป้าหมายคือก่อความปั่นป่วนและลดศักยภาพความเคลื่อนไหวอย่างเสรีของพวกนักรบเหล่านี้ ซึ่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลังโดยตรงต่อเหตุโจมตีกำลังพลสหรัฐฯ ทั้งในซีเรียและอิรัก"
สหรัฐฯ มีกำลังพล 900 นายในซีเรีย และอีกกว่า 2,500 นายในอิรัก ประเทศเพื่อนบ้าน ในภารกิจให้คำแนะนำและช่วยเหลือกองกำลังท้องถิ่นที่พยายามขัดขวางการคืนชีพกลับขึ้นมาของกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอเอส) ซึ่งเคยบุกยึดพื้นที่อันกว้างขวางคร่อมดินแดนของ 2 ประเทศ แต่สุดท้ายก็ประสบความพ่ายแพ้ในเวลาต่อมา
มีความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับฮามาส อาจลุกลามบานปลายไปทั่วตะวันออกกลาง และกลายเป็นทำให้กำลังพลของสหรัฐฯ ตามฐานทัพต่างๆ ที่อยู่ห่างไกลตกเป็นเป้าหมายการโจมตีด้วยอาวุธหนัก แทนจรวดขนาดเล็กและโดรนแบบขาเดียวที่เป็นอยู่ในเวลานี้
สหรัฐฯ ส่งกองเรือรบและฝูงบินขับไล่เข้าไปยังภูมิภาคตะวันออกกลาง นับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับฮามาสปะทุขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคม ในนั้นรวมถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำ ในความพยายามป้องปรามอิหร่านและกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ที่อิหร่านให้การสนับสนุน นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังเสริมกำลังพลเข้าไปยังภูมิภาคแห่งนี้อีกหลายพันนาย
รอยเตอร์เคยรายงานว่า กองทัพสหรัฐฯ กำลังใช้มาตรการใหม่ๆ เพื่อปกป้องกองกำลังของตนเองในตะวันออกกลาง ท่ามกลางการโจมตีที่ยกระดับหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ของกลุ่มนักรบต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน และเปิดทางสำหรับความเป็นไปได้ว่าจะอพยพครอบครัวของทหารออกมาถ้าจำเป็น
มาตรการต่างๆ ที่จะนำมาใช้รวมไปถึงเพิ่มการลาดตระเวนทางทหารของสหรัฐฯ จำกัดการเข้าถึงฐานทัพทั้งหลายและยกระดับรวบรวมข่าวกรอง ในนั้นรวมถึงดำเนินการผ่านโดรนและปฏิบัติการสอดแนมอื่นๆ
ยังไม่มีความชัดเจนว่ามีผู้เสียชีวิตหรือไม่ในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศล่าสุดของสหรัฐฯ ในซีเรีย ขณะที่เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของอเมริกา ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกว่าเวลานี้ยังอยู่ระหว่างทบทวนตรวจสอบข้อมูล
(ที่มา : รอยเตอร์)