เมื่อนักการเมืองระดับชาติถูกจับได้ว่าเอาเงินบริจาคช่วยเหลือการรณรงค์หาเสียง ไปโหลดดูหนังโป๊เรตเอ็กซ์ OnlyFans - ไปฉีดโบท็อกซ์ ปกติแล้ว มันต้องอื้อฉาวหนักมาก ชนิดที่กระหึ่มด้วยเสียงเรียกร้องโกรธเกรี้ยวให้ขับไล่มันผู้นั้น พ้นจากสภาคองเกรสอันทรงเกียรติโดยทันที
แต่! ไม่อยากเชื่อ ก็ต้องเชื่อ ในสหรัฐอเมริกาซึ่งถือเป็นพ่อทุกสถาบันสำหรับระบอบประชาธิปไตยตะวันตก การกล่าวหาแบบนี้เกิดขึ้นจริงในปี 2023 โดยผู้ชายไร้ยางอายนายนั้นสามารถลอยนวลและลอยหน้าอยู่ในสภาคองเกรสได้เกือบหนึ่งปีเต็ม กล่าวก็คือ 3 มกราคม – 1 ธันวาคม 2023 เพราะพรรคต้องเอาตัวไว้ช่วยเสริมแกร่ง ให้ “รีพับลิกัน” รักษาความได้เปรียบในฐานะ “ฝ่ายเสียงข้างมาก” ซึ่งความได้เปรียบที่ครอบครองอยู่นั้น “ปริ่มน้ำ” อย่างยิ่ง ด้วยจำนวนเสียงที่มากกว่าแค่ 9 เสียง (รีพับลิกัน 222 : เดโมแครต 213)
ทั้งนี้ หากเสียไป 1 เสียงอัปยศรายนี้ไป การโหวตต่างๆ ในอนาคต รีพับลิกันจะแบกรับสถานการณ์ที่ ส.ส.รีพับลิกัน ไปโหวตตามเดโมแครต ได้ไม่เกิน 3 เสียงเท่านั้น เพราะจะเท่ากับการชนะโหวตที่สัดส่วนเฉียดฉิว ณ 218:216
ผู้ชายรายนั้นถูกคณะกรรมาธิการจริยธรรมของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ สอบสวน และในรายงานผลการสอบสวนซึ่งเผยแพร่กันเมื่อเดือนที่แล้ว พฤศจิกายน 2023 มีการยืนยันว่า ส.ส.จอร์จ แซนโตส (George Santos) พรรครีพับลิกัน มลรัฐนิวยอร์ก ได้ใช้จ่ายเงินบริจาครณรงค์หาเสียงที่ครอบครองอยู่ ไปกับการเข้าชมคอนเทนต์ระดับสุดเอ็กซ์ของนางแบบ ไลลา ลิวอิส ในเว็บไซต์หนังโป๊สำหรับผู้ใหญ่ OnlyFans ตลอดจนเบียดบังเงินหลายหมื่นดอลลาร์ ไปฉีดโบท็อกซ์ ฯลฯ
จริยธรรมอักเสบร้ายแรงขนาดนั้น แต่รายงานอันตรงไปตรงมาและช็อกกิ้งดังกล่าว กลับได้การตอบรับด้วยอาการยักไหล่อย่างเหน็ดหน่าย ในอารมณ์ว่า ก็พรรคปกป้องสุดลิ่ม เราก็จนปัญญาไม่รู้จะดำเนินการยังไงต่อไปแล้ว เดลิเมลออนไลน์รายงาน
เดลิเมลออนไลน์นำเสนอด้วยว่า มันเป็นความประพฤติอันเลวทราม แต่ก็เป็นอะไรที่พึงคาดหมายได้จากคนอย่าง สส.จอร์จ แซนโตส ผู้ชายที่ถูกตราหน้าเป็นพวกโม้ฟุ้งและนักต้มตุ๋นโดยกมลสันดาน อีกทั้งเป็นพวกรสนิยมสูงเกินรายได้ และกล้าทำทุกอย่างเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตหรูหราฟุ้งเฟ้อกว่าฐานะแท้จริง
โดยที่ว่าในวันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม 2022 หนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ถูกบรรดาสื่อมวลชน “แฉ” อย่างละเอียด แล้วใช้วิธีกบดานนิ่งเงียบ ว่าที่ สส.จอร์จ แซนโตส จนตรอกหนัก จึงออกโรงให้สัมภาษณ์แก่สื่อยักษ์อเมริกัน นิวยอร์กไทมส์ ยอมรับว่าตนโกหกและสร้างเรื่องโม้สะบั้นเวอร์วังในเอกสารประวัติบุคคลแนะนำตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ทั้งภูมิหลังอันสง่างามว่าจบการศึกษาจากโรงเรียนดัง ว่าเคยทำงานกับซิตีกรุปและโกลด์แมนแซคส์ ว่าเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ 13 แห่ง อีกทั้งความสำเร็จต่างๆ นานา ฯลฯ
กระนั้นก็ตาม ไม่มีการดำเนินการใดๆ เกิดขึ้นเพื่อรักษาความถูกต้องของสังคมการเมืองและรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของสภาคองเกรส จอร์จ แซนโตส ฉลุยผ่านกระบวนการต่างๆ และได้ครองตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งสภาคองเกรสอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 ตุลาคม 2023 และรักษาเก้าอี้ได้ตลอด 11 เดือนแห่งความอื้อฉาว จวบจนกระทั่งถึงวันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน 2023 แซนโตสยังสามารถนั่งชูคอหน้าด้านอยู่ในรัฐสภาและรับเงินเดือนค่าตอบแทนแพงระยับตกปีละ 174,000 ดอลลาร์ (ราว 6,060,000 บาท หรือตกเดือนละ 505,000 บาท)
อดีต ส.ส.จอร์จ แซนโตส ลอยนวลและลอยหน้าอยู่ในสภาผู้แทนราษฎรอเมริกันได้เกือบ 11 เดือนเต็ม ก่อนจะมีการโหวตลงคะแนนครั้งประวัติศาสตร์ในวันที่ 1 ธันวาคม 2023 เมื่อ ส.ส.รีพับลิกัน จำนวน 105 ราย แบกรับความอับอายต่อไปไม่ไหว จึงหันไปเข้าร่วมกับพวก ส.ส.พรรคเดโมแครต และโหวตให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแห่งรัฐนิวยอร์กเขต 3 นายนี้ถูกเตะพ้นออกไปจากสภาคองเกรส
พร้อมนี้ แวดวงการเมืองอเมริกันจะจดจำเป็นเกร็ดประวัติศาสตร์ว่า เพราะพรรคปกป้อง ความพยายามทั้งปวงที่จะทำให้ แซนโตส ต้องได้อายและยินยอมลาออกไป สืบเนื่องจากความอุกอาจทำการ “ตกแต่งเสริมเติม” ประวัติความเป็นมาของตน ตลอดจนการ “ฝ่าฝืนกฎหมาย” เรื่องแล้วเรื่องเล่า ล้วนเป็นความพยายามที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง
นับจากนี้ไป แซนโตส คือ ส.ส.อเมริกันคนที่ 6 ในประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 200 ปีที่ถูกขับไล่ออกจากตำแหน่ง
คนอะไรกัน มันโกหกหลอกลวงไปในทุกตารางนิ้วของชีวิตกันทีเดียว
มันเป็นหนึ่งในเรื่องอุกอาจทางการเมืองที่กระแทกต่อมโกรธเกรี้ยวของท่านผู้ทรงเกียรติในวอชิงตัน ดี.ซี. ได้อย่างร้ายกาจที่สุดในรอบหลายปี (แต่ก็สร้างความบันเทิงหลากรสชาติชวนติดตามให้แซ่บๆ จิตด้วย) โดย จอร์จ แซนโตส ส.ส.สหรัฐฯ แห่งพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นตัวแทนจากเขตเลือกตั้งที่ 3 ของรัฐนิวยอร์ก ยืนหยัดรับเสียงกล่าวหาว่าสร้างเรื่องโกหกพกลมเกี่ยวกับตนเองขึ้นมาในแทบจะทุกสิ่งอย่าง เพื่อที่จะชนะเลือกตั้ง ตลอดจนข้อกล่าวหาว่าเข้าเกี่ยวข้องในอาชญากรรมจำนวนมากมายเป็นลิสต์ยาวเหยียดอย่างน่าตกใจ
นอกเหนือจากข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป ว่าเขาเกิดในนิวยอร์ก เป็นบุตรชายวัย 35 ปีของคุณพ่อคุณแม่ที่อพยพมาจากบราซิลแล้ว ทุกสิ่งอย่างนอกเหนือกว่านั้น เป็นอะไรที่ยังต้องมาถกเถียงกันว่า อันไหนบ้างที่ไม่ได้โกหก
= เขาเคยเข้าศึกษาในสถาบันการศึกษาภาคเอกชนซึ่งโด่งดังว่าเลิศล้ำที่สุดในนิวยอร์กหรือเปล่า หรือว่าจริงๆ แล้วก็แค่ร่ำเรียนจากโรงเรียนภาครัฐเบสิกๆ สักแห่งหนึ่งเท่านั้น
= เขาเป็นเกย์หรือเป็นชายแท้
= เป็นคนเชื้อสายยิวหรือว่าเป็นคาทอลิกกันแน่
= ปู่ย่าตายายและบุพการีทั้งปวงเคยเอาชีวิตรอดมาจากเหตุการณ์สังหารชาวยิวโดยนาซี ในช่วงก่อนและระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 จริงหรือเปล่า อีกทั้ง จากการโจมตีของผู้ก่อการร้ายในโศกนาฏกรรม 11 กันยายน 2001 จริงหรือไม่
= ยิ่งกว่านั้น เขาได้จัดตั้ง “กองทุนการกุศลช่วยเหลือสัตว์” ที่เปี่ยมด้วยความเมตตาปรานีขึ้นมาจริงๆ หรือเพียงแค่นำเอาเรื่องราวของสุนัขตัวที่เคยทำประโยชน์ต่างๆ มากมาย ก่อนจะต้องกลายเป็นหมาพิการ มาใช้ประโยชน์ในทางต้มตุ๋นระดมเงินบริจาคช่วยเหลือ หรืออย่างไร
ในการนี้ แดเนียล โกลด์แมน ส.ส.พรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นอดีตพนักงานอัยการ ได้สรุปความเป็น จอร์จ แซนโตส เอาไว้ว่า “นี่คือคนที่เป็นอาชญากรต่อเนื่องในคดีโกหกหลอกลวง คนที่แต่งเรื่องโกหกขึ้นมาชุดใหญ่โดยมีเจตนาและมีการไตร่ตรองมาอย่างเรียบร้อย และความเป็นตัวตนทั้งหมดทั้งปวงของเขาประกอบขึ้นด้วยคำโกหกและการทุจริตฉ้อโกง”
เพราะพรรคปกป้อง จะโกหกเวอร์วัง-ถูกแฉหมดเปลือก ปานใด ก็ยังรักษาเก้าอี้ไว้ได้ แต่ก็แค่ชั่วคราว
จะด้วยเหตุผลดีงามใดๆ ก็ตาม แต่สาระหลักแห่งการรักษาความได้เปรียบทางการเมืองเอาไว้ กล่าวคือ การทำให้พรรครีพับลิกันสามารถรักษาเสียงข้างมาก ซึ่งเกิน “กึ่งหนึ่ง” ขึ้นมาได้เพียงน้อยนิดในสภาผู้แทนราษฎร พวก ส.ส.ในพรรครีพับลิกันด้วยกันกับ แซนโตส จึงตัดสินใจใช้วิธีการอันน่าอนาถแบบคนสิ้นคิดอยู่นานทีเดียว หัวเด็ดตีนขาดอย่างไร ก็จะไม่ยอมให้มีการขับไล่แซนโตสออกจากสภา
ด้วยเหตุนี้ ส.ส.รีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรจึงทำการเทเสียงช่วยปกป้องจอมโกหกและอาชญากรหลายคดี นามว่า จอร์จ แซนโตส ส่งผลให้ญัตติความพยายามที่จะโหวตปลดเขาออกจากตำแหน่ง ต้องพ่ายแพ้ ถึง 2 ครั้ง 2 ครา
ในรายงานฉบับใหม่ของคณะกรรมาธิการจริยธรรมสภาล่าง ให้รายละเอียดว่า แซนโตสใช้เงินที่ได้รับบริจาคจำนวนหลายหมื่นดอลลาร์ไปในการเข้าคอร์สความงาม ฉีดโบท็อกซ์ให้ตัวเองหน้าอิ่มแฉล้ม ตลอดจนซื้อหาเสื้อผ้าราคาแพงระยับจากดีไซเนอร์ระดับโลก อาทิ ชุดเฟอร์รากาโม ตัวละ 6,000 ดอลลาร์ และแอร์เมส์ ตัวละ 4,128 ดอลลาร์ อีกทั้งยังใช้จ่ายฟุ่มเฟือยที่แฮมป์ตันส์ และแหล่งสุดยอดกาสิโนเมืองแอตแลนติกซิตี้
แม้จะมีเสียงเกินครึ่งของ สส. รีพับลิกัน ยกมือคัดค้านไม่เห็นด้วยที่จะขับไล่ แซนโตส พ้นเก้าอี้ผู้แทนราษฎรในคราว 1 ธันวาคม 2023 กระนั้นก็ตาม จำนวนที่แห่กันไปโหวตขับไล่ มีเพิ่มขึ้นหลายสิบเสียงจนกระทั่งรวมได้ 105 เสียงจากทั้งหมด 222 เสียง หลังจากที่รายงานฉบับอัปยศช็อกกิ้งขั้นสุด ซึ่งเป็นหลักฐานพิสูจน์ชัดแจ้งหนักแน่นนั้น น่าอับอายเกินกว่าที่ ส.ส.พรรคเดียวกันกับแซนโตสจะกล้าทำเฉยไม่รู้ไม่ชี้ได้หวาดไหว
แน่นอนว่าแซนโตสไม่ยอมรับรายงานฉบับนี้ เขายืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้มีความประพฤติไม่ถูกต้องเหมาะสมใดๆ ในเรื่องการเงิน แต่ก็ประกาศว่าเพื่อรักษาครอบครัวของตนเอง เขาจะไม่ลงแข่งขันในการเลือกตั้งปีหน้า (ส.ส.อเมริกันอยู่ในตำแหน่งวาระละ 2 ปีเท่านั้น ดังนั้น ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2024 ก็ต้องลงเลือกตั้งกันใหม่ทั้งสภา)
หลังจากที่ถูกเช็กบิลจากที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว กำหนดการชดใช้กรรมรายการต่อๆ ไปของ จอร์จ แซนโตส คือการขึ้นศาลชั้นต้นสหรัฐฯ ซึ่งนัดหมายพิจารณาคดีอาญาทั้งปวงในเดือนกันยายน 2024 โดยมีข้อหาการกระทำความผิดรวม 23 กระทง ในกลุ่มคดีต่างๆ ได้แก่ ปกปิดการทุจริตคดโกง โจรกรรมบัตรเครดิต โจรกรรมอัตลักษณ์อย่างเลวร้าย ออกคำแถลงหลอกลวงเป็นเท็จ และโจรกรรมเงินทุนสาธารณะ
นอกจากนั้นเนื้อหาของผลการสอบสวนฉบับที่เพิ่งออกมา อาจทำให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมและการตั้งข้อหาอื่นๆ เพิ่มเข้าไปอีก
ขณะที่อดีตเจ้าหน้าที่ 2 คนในทีมรณรงค์หาเสียงของจอร์จ แซนโตส ได้ออกมายอมรับว่ากระทำความผิดในหลายๆ ข้อหาที่เกี่ยวข้องไปแล้ว อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวแซนโตสนั้น แม้ได้กล่าวสารภาพกับสาธารณชนว่าตนเป็น “คนโกหกที่แย่มากๆ” แต่ก็ยังปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้ และกล่าวโทษผู้ที่หาทางฟ้องร้องเอาผิดตัวเขา ว่าเป็นพวกที่มีพฤติการณ์เอาแต่มุ่งร้ายคนอื่นแบบ “พวกนักล่าแม่มด”
พลิกแฟ้มนิยาย จอร์จ แซนโตส โกหกหลอกลวงประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง แต่ “โป๊ะแตก” หลังคว้าตั๋วสู่สภาคองเกรสสำเร็จแล้ว
นับเป็นเรื่องราวฮือฮาโลดโผนไม่ใช่น้อยๆ สำหรับผู้ชายหนึ่งที่ไปโกหกหลอกลวงประชาชนเอาไว้ระหว่างการรณรงค์หาเสียงเป็น ส.ส. ในปีที่แล้ว (2022) ว่าตนมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งน่าเชื่อถือในหลากหลายแง่มุม พร้อมกับโฆษณาให้ความหวังแก่ประชาชนว่า การที่เขาก้าวย่างเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร จะทำให้ความฝันแบบชาวอเมริกันเป็นจริงขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ที่จริงแล้ว การอวดโอ่คุยโม้นี้ออกแววโป๊ะแตก ตั้งแต่ห้วงสัปดาห์แรกๆ ของชัยชนะคว้าเก้าอี้ ส.ส.ตัวนี้มาเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วด้วยซ้ำ
ตอนต้นๆ แซนโตสได้รับการยกย่องเรียกขานว่าเป็น ‘ชาวรีพับลิกันคนแรกซึ่งประกาศตัวตนเปิดเผยว่าเป็นเกย์ และได้รับเลือกตั้งเข้าสู่สภาคองเกรสโดยที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อน’ กระนั้นก็ตาม เผลอแป๊บเดียว สื่อมวลชนเริ่มได้รับข้อมูลเปิดโปง การรายงานข่าว “แฉ” จึงกระฉ่อนออกมาว่า ประวัติส่วนตัวที่เขาแถลงไว้ในตอนสมัครรับเลือกตั้งนั้น มันคือผลงานมาสเตอร์พีชในทางการเขียนโม้สะบั้นปั้นแต่งเรื่องเท็จ เพียงเพื่อจะเพิ่มความได้เปรียบในการหาเสียง
ในประวัติส่วนตัวที่ชวนให้ชื่นชมความเป็นคนสู้ชีวิต คนสร้างตนเองจากมือเปล่าขึ้นสู่ความสำเร็จ จอร์จ แซนโตส ร่ายยาวเรื่องราวโกหกหลอกลวงว่า แม้จะเติบโตขึ้นมาอย่างยากจนในครอบครัวผู้ใช้แรงงานซึ่งพำนักอาศัยอยู่ในห้องใต้ถุนที่ย่านแจ็กสันไฮส์ ในเขตควีนส์ นครนิวยอร์ก แต่ตัวเขาซึ่งเป็นอเมริกันเจเนอเรชั่นแรกของตระกูล ก็สามารถสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลายจากโรงเรียนโฮเรซแมนน์ (Horace Mann) หนึ่งในโรงเรียนภาคเอกชนระดับยอดเยี่ยมและเข้าเรียนยากที่สุดของนิวยอร์ก ต่อมาก็ไต่ระดับการศึกษาไปสู่มหาวิทยาลัยชื่อเสียงโด่งดังมากของนครนิวยอร์ก 2 แห่ง จนจบปริญญาตรี และคว้าปริญญาโททางบริหารธุรกิจมาครอบครองด้วย
เจ้าตัวอธิบายว่า เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งแรกได้ เนื่องจากได้รับทุนการศึกษาด้านวอลเลย์บอล พร้อมกับอวดอ้างใหญ่โตว่าได้พิสูจน์ถึงความเหมาะสมกับการได้รับทุน ด้วยการกลายเป็นผู้เล่นระดับดาราในทีมวอลเลย์บอล แลกกับการที่ต้อง “เสียสละ” เข่าทั้งสองข้าง ซึ่งก็คือต้องผ่าตัดเปลี่ยนหัวเข่าชุดใหม่ทั้งสองข้าง
หลังสำเร็จการศึกษา เขาโม้ฟุ้งกระจุยว่าได้เข้าทำงานในสถาบันการเงินรายยักษ์ที่เลื่องชื่อที่สุดของวอลล์สตรีท 2 แห่ง อันได้แก่ โกลด์แมนแซคส์ และ ซิตี้กรุ๊ป และประสบควาสำเร็จเลอเลิศโดยสามารถนำรายได้ไปลงทุนสร้างอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของครอบครัว จนมีอสังหาริมทรัพย์อยู่ในครอบครอง 13 รายการกันเลยทีเดียว
ทว่าหลังผ่านพ้นคริสต์มาสของปี 2022 เพียงไม่นาน --นั่นคือก่อนที่จะได้สาบานตัวเข้าทำหน้าที่เป็น ส.ส.ในสภาอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2023 ด้วยซ้ำไป - - แซนโตสซึ่งทนแรงกดดันไม่ไหว ได้ออกมาให้สัมภาษณ์แก่สื่อรายใหญ่ๆ อย่าง นิวยอร์กไทมส์ ยอมรับว่าสิ่งที่เขากล่าวอ้างไว้ในประวัติแนะนำตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง นั้น เป็นการโกหก และสร้างเรื่องขึ้นมาหลอกลวง เพียงแต่ว่าเขาหนีไปใช้คำว่า “แต่งเติม”
จอร์จ แซนโตส ไม่ได้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยใดๆ ทั้งสิ้น เขาไม่เคยทำงานกับพวกบริษัทบลูชิปใดๆ อย่างที่อวดอ้าง และฐานะของเขาก็ห่างไกลนักหนาจากสถานภาพเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ผู้มั่งคั่ง ในความเป็นจริงนั้น เขาติดหนี้ค่าเช่าบ้านเป็นเงินหลายพันดอลลาร์ด้วยซ้ำ
ในส่วนประวัติการทำงาน อดีตเพื่อนร่วมงานของ จอร์จ แซนโตส หลายคนออกมายืนยันว่า แซนโตสเคยทำงานด้วยกันในบริษัทคอลล์เซนเตอร์แห่งหนึ่งในเขตควีนส์ โดยได้รับค่าจ้างแค่ชั่วโมงละ 12 ดอลลาร์ เดลิเมลออนไลน์รายงาน
พิษสงการแฉยังมีความเลวร้ายกว่านั้นอีก ถึงแม้เขารณรงค์หาเสียงโดยอวดอ้างว่าเป็นทั้งเกย์และชาวยิว ซึ่งเป็นสิ่งที่เรียกคะแนนได้ดีในนิวยอร์ก ชุมชนของคนหัวเสรีนิยมและชื่นชมความหลากหลาย แต่เอาเข้าจริงแล้วดูเหมือนเขาจะไม่ได้เป็นทั้งสองอย่าง
แซนโตสอ้างตนเป็นเกย์ที่พำนักอาศัยอยู่กับสามีพร้อมสุนัข 4 ตัวในเขตลองไอส์แลนด์ กระนั้นก็ตาม ไม่ปรากฏร่องรอยของชีวิตคู่แบบนี้ของเขาให้เห็นเลย ในทางตรงข้าม เมื่อสืบค้นเข้าไป ก็พบว่าเขาเคยแต่งงานเป็นเวลา 7 ปีจนกระทั่งถึงปี 2019 แต่คู่ครองของเขา เป็นผู้หญิง
“ผมเคยเดตกับผู้หญิงมาก่อนในอดีตที่ผ่านมา ผมแต่งงานอยู่กินกับผู้หญิงมาแล้วด้วย แต่มันเป็นเรื่องส่วนตัวนะครับ” เขาให้สัมภาษณ์ไว้กับนิวยอร์กโพสต์อย่างนั้น เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
“ผมโอเคกับชีวิตด้านเซ็กส์ของผมนะ คนเรามันก็เปลี่ยนแปลงกันได้” แซนโตสกล่าวสำทับ
คนเราเปลี่ยนรสนิยมทางเพศได้ อย่างไรก็ดี คนเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเชื้อชาติได้ง่ายๆ เหมือนกับเรื่องรสนิยมนะ เดลิเมลออนไลน์ตั้งประเด็นขึ้นมา
ในเอกสารเผยแพร่ช่วงรณรงค์หาเสียง จอร์จ แซนโตส พรรณนาถึงตัวเองว่าเป็น “ชาวยิวอเมริกันผู้ทรนง” และยังอวดอีกว่าบิดามารดาของคุณแม่เป็นชาวยิวฮังการีซึ่งเคยหลบหนีการถูกดำเนินคดีโทษฐานเป็นคนยิวมาได้ถึง 2 ครั้ง โดยในหนที่ 2 จบด้วยการหลบหนีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวของนาซี จากยุโรปไปอยู่ที่บราซิล
แต่เมื่อมีการสืบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมา ก็ได้พบว่าถึงแม้คุณตาคุณยายอพยพมาจากบราซิลจริง แต่ทั้งสองท่านไม่ได้เป็นคนเชื้อสายยิว
พอถูกจี้ถามเรื่องนี้ แซนโตสก็แถไปว่า
“ผมไม่เคยอ้างว่าผมเป็นคนเชื้อสายยิว (Jewish) นะ”
แล้วอธิบายแบบเล่นคำศัพท์ว่า “ผมเป็นคนคาทอลิก แต่เนื่องจากผมทราบมาว่าครอบครัวทางคุณแม่มีภูมิหลังเป็นคนเชื้อสายยิว ผมก็เลยพูดว่าผมเป็น ‘คนที่เหมือนๆ กับชาวยิว’ (Jew-ish)”
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังกล้าหาญถึงขนาดสาดข้อกล่าวหากลับไปใส่คนเปิดโปงว่า เป็น “พวกคอยหาเรื่องเที่ยวจับผิดอะไรที่เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ”
ทำไม จอร์จ แซนโตส จึงโกหกและหลอกลวงอะไรมากมายถึงปานนั้น เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากพลาดหวังล้มเหลวไม่ได้เป็น ส.ส.ในการลงเลือกตั้งเมื่อปี 2020 (เขาได้ลงแข่งขันหลังจากตัดสินใจเล่นการเมืองจริงจังเป็นครั้งแรกเพียงแค่ 2 ปี) แซนโตสอธิบายแบบให้เหตุผลที่อ่อนยวบเต็มทีว่า เขาตกเป็นเหยื่อของ “แรงกดดันจากความคิดว่าจำเป็นจะต้องทำ [เพื่อให้ได้รับเลือกตั้ง]”
สร้างนิยายหลอกลวงว่าคุณแม่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 9/11 ปี 2001 ที่แท้แล้วคุณแม่อยู่บราซิลในปีดังกล่าว และถึงแก่กรรมในปี 2016
จอร์จ แซนโตส สาบานตัวเข้ารับตำแหน่งในสภาล่างเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2023 โดยที่งานแรกๆ ที่ได้รับคือ การกล่าวปราศรัยเนื่องในวันรำลึกถึงเหตุกาณณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ในวันที่ 27 มกราคม
อย่างไรก็ตาม การถูกเปิดโปงอันน่าอับอายว่าตัวตนแท้จริงของ จอร์จ แซนโตส เป็นยังไงนั้น ยังมีมากกว่านั้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องราวเกี่ยวกับคุณแม่ ซึ่งโม้ฟุ้งไปคนละทิศละทางกับความเป็นจริง
จอร์จ แซนโตส อวดอ้างความน่าเชื่อถือและเรื่องราวน่าสะเทือนใจของคุณแม่ตนเองเอาไว้ว่า คุณแม่เป็นผู้บริหารด้านการเงิน และเธออยู่ในห้องทำงานที่อาคารเวิลด์เทรดเซนเตอร์ ซึ่งต้องเสียชีวิตไปในวันที่ 11 กันยายน 2001 ตอนที่เครื่องบินโดยสารซึ่งถูกผู้ก่อการร้ายจี้มาพุ่งเข้าชนอาคารจนพังพินาศ
แต่ในเวลาต่อมา เขาพลิกลิ้นปฏิเสธว่าไม่ได้บอกอย่างนั้นสักหน่อย และแถไปใหม่ว่าคุณแม่เสียชีวิตในอีกสองสามปีหลังจากนั้น เนื่องจากโรคมะเร็งซึ่งมีสาเหตุจากฝุ่นผงเศษซากปรักหักพังที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ 9/11
อย่างไรก็ตาม ผลการสืบค้นยืนยันว่าตอนที่เกิดเหตุวินาศกรรมปี 2001 นั้น จริงๆ แล้วคุณแม่ฟาติมะ เดโวลเดอร์ อยู่ที่บราซิล โดยทำงานเป็นพยาบาลอยู่ที่บราซิลจนกระทั่งเสียชีวิตไปในปี 2016 เดลิเมลออนไลน์รายงานอย่างนั้น
เรื่องราวการเป็นแดร็กควีนของ จอร์จ แซนโตส ก็นัวไปด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปมา จากปฏิเสธ ก็เปลี่ยนใจเป็นโอเคด้วยดี เพราะกระแสตอบรับฮือฮาบนอินเทอร์เน็ต
แดร็กควีนในเมืองรีโอเดจาเนโร นามว่า อัวลา โรชาร์ด อ้างว่าเป็นเพื่อนกับแซนโตสตอนที่เขาอยู่ในบราซิลเมื่อปี 2005 นางอ้างว่าตอนนั้นจอร์จ แซนโตส เรียกตัวเองว่า “แอนโธนี เดโวลเดอร์” ซึ่งเป็นชื่อกลางในชื่อเต็มๆ ว่า จอร์จ แอนโธนี เดโวลเดอร์ แซนโตส
แต่ส่วนที่เด็ดกว่านั้นคือ จอร์จ แซนโตส มีบทบาทในกิจกรรมต่างๆ ของชาว LGBT ทั้งเป็นอาสาสมัครแจกใบปลิวประชาสัมพันธ์ ทั้งเข้าร่วมการชุมนุมและงานประชุมต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ และแน่นอนคือร่วมอยู่ในขบวนแห่ไพรด์พาเหรดประกาศศักดิ์ศรีชาว LGBT โดยแซนโตสแต่งกายเป็นแดร็กควีนกันเลยทีเดียว
แหล่งข่าวอีกรายหนึ่งเล่าว่า แซนโตสปรากฏตัวเข้าประกวดแดร็กควีนอยู่เป็นประจำโดยใช้ชื่อว่า คิตารา ราวาเช และมีความใฝ่ฝันที่จะได้สวมมงกุฎเป็น “มิสเกย์รีโอเดจาเนโร”
ตอนแรกๆ ที่ข้อกล่าวหาเหล่านี้แพร่สะพัดบนสื่อมวลชน แซนโตสโกรธเกรี้ยวหนักมากและปฏิเสธข้อกล่าวทั้งหมด โดยระบุว่าเป็น “เรื่องเท็จอย่างแน่นอนที่สุด”
แต่ครั้นได้ทราบว่าพวกที่เขียนคอมเมนต์ทางออนไลน์ เห็นดีเห็นงามกับไอเดียที่จะมี ส.ส.ซึ่งเป็นแดร็กควีน อยู่ในรัฐสภา เขาก็ทำยูเทิร์น กลับลำไปรับข้อกล่าวหาอย่างเต็มอกเต็มใจ
“ผมสนุกสนานมากในงานเทศกาลไพรด์พาเหรด” เขากล่าวตอบคำถามของผู้สื่อข่าวในเดือนมกราคม 2023 “ฟ้องร้องผมได้เลยที่ผมได้ใช้ชีวิตอย่างที่ชอบ”
ถูกดำเนินคดีเช็คปลอมในบราซิล และถูกเอฟบีไอสอบสวนคดีเชิดเงินบริจาคสนับสนุนค่ารักษาสัตว์บาดเจ็บนับครั้งไม่ถ้วน
คำโกหกหลอกลวงที่ออกมาจาก จอร์จ แซนโตส ไม่หมดแค่นั้น ยังมีเรื่องของข้อมูลประวัติชีวิตการแสดงปลอมทุกประโยคที่ปรากฏอยู่บนวิกิพีเดีย โดยผู้เขียนซึ่งใช้นามแฝงว่า “แอนโธนี เดโวลเดอร์” ของจอร์จ แซนโตส
ทั้งนี้ ประวัติหลอกลวงดังกล่าวอวดอ้างว่า จอร์จ แซนโตส เป็นดาวเด่นดารานำของรายการโชว์ทางทีวีหลากหลายรายการ เป็นต้นว่า ละครซิตคอมสำหรับเด็กๆ ชุด ฮันนาห์ มอนตานา ของค่ายดีสนีย์ และภาพยนตร์ที่มีชื่อเรื่องว่า “ดิ อินเวชั่น” (The Invasion) ซึ่งนำแสดงโดย อูมา เธอร์แมน แต่ความจริงก็คือ นักแสดงสุดสวย นามว่า เธอร์แมน ไม่เคยแสดงในหนังเรื่องที่ว่านี้เลย
การกล่าวอ้างอื่นๆ ของแซนโตสซึ่งถูกสกู๊ปข่าวแนวสืบสวนสืบค้นของสื่อต่างๆ ตรวจพบว่าไม่มีหลักฐานรองรับ ยังมีอีกเยอะ ดังนี้
= มีบทบาทช่วยงานโปรดิวเซอร์ละครเพลงเรื่อง “สไปเดอร์แมน” ออกแสดงในบรอดเวย์เมื่อปี 2011
= มีชายชาวจีน 2 คนพยายามลักพาตัวหลานสาววัย 5 ขวบของเขาจากสนามเด็กเล่นในนิวยอร์ก
= ตกเป็นเป้าของ “ความพยายามลอบสังหาร” ภายหลังได้รับเลือกตั้ง
= ถูกปล้นชิงทรัพย์กลางวันแสกๆ ในย่านถนนฟิฟธ์ อะเวนู เมื่อปี 2021 โดยที่โจรชิงเอากระเป๋าเอกสารไปพร้อมกับอะไรที่ค่อนข้างประหลาดๆ นั่นคือรองเท้า
นอกจากจะพบเจอเรื่องฉ้อฉลที่ จอร์จ แซนโตส โป๊ะแตกในสหรัฐฯ แล้ว ในบราซิลก็มีเรื่องราวการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี โดยเป็นคดีฉ้อโกงปลอมแปลงเช็คซึ่งใช้ชำระค่าเสื้อผ้า 700 ดอลลาร์ในร้านแห่งหนึ่งในปี 2008 และในเวลาต่อมา แซนโตสรับสารภาพว่าได้ขโมยสมุดเช็คเล่มหนึ่งของนายจ้างของคุณแม่ตนเอง จากกระเป๋าถือของคุณแม่ เอาไปใช้ทำเช็คปลอม แต่ลงเอยแล้ว เรื่องนี้ค้างเติ่งในแฟ้มศาล เพราะตามหาตัว แซนโตส ไปขึ้นศาลไม่ได้
แต่เมื่อแซนโตสเป็นข่าวอื้อฉาวขึ้นมาในสหรัฐฯ อัยการที่บราซิลจึงฟื้นคดี และในเดือนพฤษภาคม 2023 แซนโตสไปตกลงประนอมยอมความเพื่อไม่ต้องถูกดำเนินคดี โดยจ่ายเงินชดใช้ราว 5,000 ดอลลาร์ เอพีรายงาน
สำหรับการสอบสวนเรื่องฉ้อโกงเงินทองที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ มีรายงานข่าวว่า จอร์จ ซานโตสอยู่ระหว่างถูกเอฟบีไอ หรือก็คือสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ สอบสวนตามข้อกล่าวหาเชิดเงินบริจาค
ทั้งนี้ จอร์จ แซนโตส จัดตั้งกองทุนการกุศลเพื่อช่วยเหลือสัตว์ ชื่อว่า “เฟรนด์ส ออฟ เดอะ เพตส์ ยูไนเต็ด และในปี 2016 เขาสร้างโปรเจ็กต์ระดมเงินบริจาคเงินเป็นค่าผ่าตัดช่วยชีวิตสุนัขซึ่งเคยทำงานที่เป็นประโยชน์ต่างๆ ก่อนจะกลายเป็นหมาพิการ แต่แล้ว พ่อหนุ่มแซนโตสได้หายตัวไปพร้อมกับเงินบริจาคที่ได้รับผ่านการโอนเงินออนไลน์เป็นจำนวน 3,000 ดอลลาร์
สำหรับชะตากรรมสุนัขตัวนั้น คือ น่าสงสารมาก มันไม่ได้รับการผ่าตัดแต่อย่างใด และในที่สุดก็ถูกการุณยฆาตไป
ด้านแซนโตสแก้ตัวว่ากองทุนการกุศลของเขาได้ช่วยชีวิตสัตว์ต่างๆ จำนวนมากกว่า 2,500 ตัวในช่วงระหว่างปี 2013 - 2018 แต่มีเจ้าของสัตว์หลายๆ คนออกมาตั้งข้อกล่าวหาว่า แซนโตสไม่เคยส่งความช่วยเหลืออะไรมาให้เลย ทั้งๆ ที่อาศัยชื่อพวกเขาทำการระดมเงินทางออนไลน์ได้หลายพันหลายหมี่นดอลลาร์
ในตอนนี้ จอร์จ แซนโตส ไม่มีเงินเดือนอัตราสูงๆ จากรัฐสภาแล้ว แต่เขาจะได้รับเงินก้อนใหญ่ภายใต้ข้อตกลงมูลค่าสูงลิ่วสำหรับการนำชีวิตอัปยศไปจัดทำหนังสือเล่าเรื่องราวอื้อฉาวทั้งปวง และไปสร้างมินิซีรีส์ของค่ายเน็ตฟลิกซ์
โลกอันวิปริตกันไปใหญ่โต ยังมีที่ยืนให้แก่ผู้ชายฉ้อโกงลวงโลก ผู้ซึ่งโตขึ้นมาในครอบครัวชาวคาทอลิก แต่บ้าบิ่นที่จะปราศรัยต่อหน้าพวกผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งชาวยิว โดยโกหกหน้าตายว่าตนเป็นยิว และประกาศว่า “ผมและทุกท่านล้วนแต่เอือมเต็มทีกับการถูกโกหกหลอกลวงครั้งแล้วครั้งเล่า” เดลิเมลออนไลน์รายงาน
คอลัมน์ PLANET No.3
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เดลิเมลออนไลน์ นิวยอร์กไทมส์ เอพี)