เลือดเย็น!! ไบเดนเมินกาซาอดอยากรุนแรง ลั่นหนุนยิวไม่เปลี่ยน ขณะอิสราเอลบดขยี้หนัก ยูเอ็นร้องจ๊ากความช่วยเหลือต้องหยุดชะงัก

พวกเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกาซาระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 22 คน ซึ่งรวมถึงเด็กๆ เมื่อคืนวันจันทร์ (11 ธ.ค.) จากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลในย่านที่อยู่อาศัยของเมืองราฟาห์ ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ทางใต้สุดของกาซาติดต่อกับชายแดนอียิปต์ โดยเวลานี้ทางเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินยังคงพยายามเร่งค้นหาเหยื่อซึ่งติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง

ชาวบ้านในราฟาห์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่กองทัพอิสราเอลเพิ่งออกคำสั่งในเดือนนี้ให้ชาวปาเลสไตน์หนีเข้าไปหลบภัยสงคราม ระบุว่าการโจมตีเมื่อคืนวันจันทร์ถือเป็นหนึ่งในการโจมตีซึ่งรุนแรงที่สุดในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

ส่วนที่เมืองข่านยูนิส ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในบริเวณตอนใต้ของกาซา และถูกรัฐยิวถล่มโจมตีอย่างหนักหน่วงมาหลายวันแล้ว มีรายงานว่าเมื่อเช้าวันอังคาร (12) ขบวนรถถังอิสราเอลได้ระดมยิงใส่ใจกลางเมือง โดยที่มีรถถังคันหนึ่งอยู่บนถนนซึ่งเป็นที่ตั้งบ้านพักของ ยาห์ยา อัล-ซินวาร์ ผู้นำฮามาสในกาซา ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระบุด้วยว่า จากการที่เมืองนี้ถูกโจมตีเมื่อคืนวันจันทร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 2 คน

ทั้งนี้ หลังจากที่สหรัฐฯในสิทธิยับยั้งญัตติเรียกร้องให้หยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม ณ ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวันศุกร์ (8) ที่ผ่านมา อิสราเอลก็ได้เร่งถล่มโจมตีในฉนวนกาซาอย่างดุเดือดรุนแรงเพิ่มขึ้นอีก คร่าชีวิตพลเมืองชาวปาเลสไตน์ไปอีกหลายร้อยคน

เวลาเดียวกัน พวกหน่วยงานบรรเทาทุกข์บอกว่า สภาวะความอดอยากของชาวกาซายังคงเลวร้ายลงอีก โดยที่โครงการอาหารโลกของสหประชาชาติระบุว่า ประชากรกาซาซึ่งมีประมาณ 2.4 ล้านคน ราวครึ่งหนึ่งทีเดียวเวลานี้กำลังอดอยากขาดอาหาร

ขณะที่สำนักงานประสานงานความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของยูเอ็น (โอซีเอชเอ) แถลงวันอังคาร (12) ว่า สามารถจัดส่งความช่วยเหลือผ่านจากอียิปต์เข้าไปในเขตราฟาห์ได้อย่างจำกัด แต่ในพื้นที่อื่นๆ ของกาซานั้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา การจัดส่งถูกระงับเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากมีการต่อสู้หนักหน่วง ประกอบกับการถูกจำกัดการเดินทางบนถนนสายหลัก รวมทั้งยังขาดแคลนรถบรรทุกและน้ำมันเชื้อเพลิง ระบบสื่อสารก็ใช้การไม่ได้ และเจ้าหน้าที่จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่สามารถเดินทางไปยังจุดข้ามแดนราฟาห์ที่ติดกับอียิปต์ได้เนื่องจากสถานการณ์การสู้รบ

ในอีกด้านหนึ่ง อัชราฟ อัล-กิดรา โฆษกกระทรวงสาธารณสุขกาซา แถลงว่า เมื่อวันอังคาร (12) กองทหารอิสราเอลบุกเข้าไปในโรงพยาบาลคามาล อัดวาน ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกาซา และควบคุมตัวผู้ชายที่รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ไปรวมกันที่สนามของโรงพยาบาล

โอซีเอชเอระบุว่า แม่สองคนในแผนกผดุงครรภ์ในโรงพยาบาลคามาล อัดวาน เสียชีวิตจากการโจมตีในวันจันทร์ และล่าสุดโรงพยาบาลยังถูกทหารและรถถังอิสราเอลปิดล้อม และมีการต่อสู้ของกลุ่มติดอาวุธในบริเวณใกล้โรงพยาบาลเป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน

หน่วยงานของยูเอ็นแห่งนี้เสริมว่า ภายในโรงพยาบาลมีผู้ป่วย 65 คน ซึ่งจำนวนนี้เป็นเด็ก 12 คน อยู่ในแผนกผู้ป่วยหนัก แล้วยังมีทารกแรกคลอดในตู้อบ 6 คน นอกจากนั้นยังมีพลเรือนราว 3,000 คนเข้ามาอาศัยหลบภัย และเฝ้ารอการอพยพในสภาพขาดแคลนน้ำ อาหาร และพลังงานอย่างรุนแรง

กระทรวงสาธารณสุขกาซายังแถลงว่า สงครามอิสราเอลเพื่อตอบโต้การบุกของฮามาสเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ทำให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปแล้ว 18,205 คน และบาดเจ็บเกือบ 50,000 คน

ในวันอังคาร (12) ที่ประชุมสมัชาใหญ่สหประชาชาติ ซึ่งประกอบด้วยชาติสมาชิกทั้งหมด มีกำหนดที่จะพิจารณาร่างญัตติฉบับที่มีข้อความคล้ายคลึงกับร่างญัตติซึ่งถูกสหรัฐฯใช้สิทธิยับยั้งในคณะมนตรีความมั่นคงเมื่อวันศุกร์ (8) โดยมีแนวโน้มว่าร่างดังกล่ราวนี้จะได้รับความเห็นชอบอย่างท่วมท้น ถึงแม้ญัตติซึ่งผ่านสมัชชาใหญ่ยูเอ็น ถือว่าไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย แต่ก็มีน้ำหนักในทางการเมือง โดยยิ่งถ้าได้รับเสียงสนับสนุนหนักแน่นมาก ก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นแนวโน้มความคิดเห็นของทั่วโลก

อย่างไรก็ดี ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักจากการแสดงท่าทีซึ่งเป็นให้ท้ายหนุนหลังการการก่อถล่มโจมตีของอิสราเอลอย่างชนิดก่อให้เกิดวิกฤตมนุษยธรรมขึ้นมาในกาซา ยังคงกล่าวย้ำเมื่อวันจันทร์ว่า พันธะผูกพันที่มีสหรัฐฯมีต่ออิสราเอลนั้นจะไม่มีวันสั่นคลอน

ถึงแม้ แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ต้องออกมาบอกด้วยว่า อิสราเอลต้องปฏิบัติตามนโยบายของอเมริกาในการปฏิบัติตามกฎการดำเนินสงคราม เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ที่ได้รับอาวุธจากอเมริกา

(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี)